เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (11 พฤศจิกายน 2564) บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ได้รายงานกำไรสุทธิ 3Q64 ที่ 576 ล้านบาท ลดลง 27%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 93%YoY โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 2%QoQ แต่ลดลง 8%YoY ขณะที่กำไรจาก NPL เพิ่มขึ้น 9%QoQ และ 75%YoY ด้านกำไรจาก NPA และการขายแบบผ่อนชำระลดลง 29%QoQ แต่ 10%YoY เพราะไม่มีกำไรจากการขาย NPA ขนาดใหญ่เกิดขึ้นอีก
สำหรับผลเรียกเก็บเงินสดทั้งหมดใน 3Q64 ลดลง 7%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 19%YoY สู่ 3.9 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่บริษัทวางไว้ใน 3Q64 อยู่ 8% โดยผลเรียกเก็บเงินสดจาก NPL ลดลง 1%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 27%YoY สู่ 2.2 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่บริษัทวางไว้ใน 3Q64 เล็กน้อยที่ 2.34 พันล้านบาท
ขณะที่ผลเรียกเก็บเงินสดจาก NPA ลดลง 14%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 10%YoY สู่ 1.7 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่บริษัทวางไว้ใน 3Q64 ที่ 1.9 พันล้านบาท ด้านอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้เพิ่มขึ้น 327 bps QoQ โดยมีสาเหตุมาจาก OPEX ที่เพิ่มขึ้น 9%QoQ
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (12 พฤศจิกายน) ราคาหุ้น BAM ปรับตัวขึ้น 6.28%DoD สู่ระดับ 20.30 บาท
มุมมองระยะสั้น:
กำไร 3Q64 ของ BAM ที่ประกาศดีกว่าตลาดคาดเล็กน้อย จากกำไรจาก NPL ที่ดีกว่าคาด เพราะบริษัทได้รับการชำระหนี้จากลูกหนี้ โดยมีสัดส่วนการตัดชำระรายได้ดอกเบี้ยและต้นทุนลดลง
ใน 4Q64 BAM ตั้งเป้าเรียกเก็บเงินสดที่ 6 พันล้านบาท โดย SCBS มองว่าเป็นเป้าหมายที่ค่อนข้างท้าทายอย่างมาก แม้ว่าจะไม่มีมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่ง SCBS คาดว่าผลเรียกเก็บเงินสดของ BAM ใน 4Q64 จะอยู่ที่ 4.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26%QoQ และ 24%YoY (ต่ำกว่าเป้าหมายของ BAM) ซึ่งหมายความแนวโน้มกำไร 4Q64 จะฟื้นตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
มุมมองระยะยาว:
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2565 ของ BAM จะได้รับการสนับสนุนจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์พร้อมกับการเปิดประเทศ การใช้กลยุทธ์เชิงรุกของบริษัท รวมถึงเศรษฐกิจไทยที่ฟื้น
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP