เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างหาข้อสรุป Asset Warehousing หรือโกดังพักหนี้ให้แก่ผู้ประกอบการที่เจอผลกระทบจากโควิด-19 แต่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เพราะภาพรวมเศรษฐกิจ เช่น ภาคท่องเที่ยว โรงแรม ฯลฯ
เบื้องต้น ธปท. อาจให้ลูกหนี้โอนทรัพย์สินไปพักไว้กับธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ เพื่อลูกหนี้จะไม่มีทั้งภาระเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งต้องกำหนดเงื่อนไขและราคาที่จะซื้อทรัพย์คืนไว้ด้วย โดยระหว่างฝากทรัพย์จะมีค่าใช้จ่ายเช่น ค่าดูแลทรัพย์ ฯลฯ แต่ทางออกนี้อาจไม่ใช่ทางเลือกเดียวของผู้ประกอบการ เพราะภาคเอกชนก็หาแนวทางอื่นๆ ไว้ด้วย
ด้าน บัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่า เรามองว่า Asset Warehousing เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องคิดวิธีการให้ครอบคลุมด้วย ซึ่งทางบริษัทอยู่ระหว่างการหารือกับธนาคารและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการ เช่น การลดภาระหนี้ และเพิ่มสภาพคล่องให้ลูกค้า เช่น การตั้งบริษัท Joint Venture (JV) คือกิจการร่วมค้าที่มีการร่วมทุนหลายฝ่าย
“ผู้ประกอบการบางรายมีความกังวล เช่น เรื่องการนำทรัพย์ไปฝากไว้กับเจ้าหนี้ แต่ต้องจ่ายค่าเช่า (ในการใช้ทรัพย์เพื่อทำธุรกิจ) ฯลฯ และยังกังวลเรื่องความไม่แน่นอนที่ว่า เขาอาจจะไม่สามารถซื้อคืนได้หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นก็อาจจะซื้อคืนไม่ไหว”
ทั้งนี้รูปแบบของการตั้ง JV นี้จะแบ่งเป็นรูปแบบการถือหุ้น 3 ส่วนหลัก เช่น BAM ธนาคารที่จะถือหุ้นราว 40% และบุคคลที่ 3 เพื่อเป็นคนกลาง ซึ่ง JV นี้จะเป็นผู้บริหารหนี้ของผู้ประกอบการโดยจะมีการตกลงกันว่า JV นี้จะซื้อหนี้ต่อจากธนาคารเจ้าหนี้ แล้วนำเข้ามาบริหารในกองโดยจะจ้าง BAM บริหารดูแลกหนี้ต่อ ซึ่งเมื่อมีกำไรจะแบ่งในรูปแบบปันผล
ข้อดีของการทำโมเดล JV คือทรัพย์สินจะยังเป็นของลูกหนี้ ไม่ต้องตีโอนทรัพย์มาให้ธนาคารเจ้าหน้ี แต่ทรัพย์ของลูกหนี้นั้นจะถูกนำมาบริหารนอกธนาคารซึ่งจะทำให้ธนาคารไม่ต้องแบกภาระเรื่องการตั้งสำรองเพิ่มเติมในการซื้อทรัพย์เพิ่ม ขณะที่บริษัท JV นี้จะมีลักษณะปิด (Closed End) เช่น อาจกำหนดระยะเวลา 10 ปีจึงมาปรับการบริหารหนี้ อาทิ การเปิดประมูล
อย่างไรก็ตาม ในโมเดล JV นี้ยังไม่มีข้อบังคับที่บอกว่าทำรูปแบบนี้ไม่ได้ แต่การตั้งบริษัท JV ที่จะบริหารหนี้นี้ต้องผ่านการขอใบอนุญาตเป็น บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) จาก ธปท. ก่อน ตามเงื่อนไขหากธนาคารต้องขายหนี้เข้าบริษัท JV นี้
“เรื่อง JV ถ้าตกลงกันแล้วก็สามารถทำได้เลย ซึ่งเท่าที่ดูเรา (BAM) จะสามารถรับทำบริษัท JV นี้ได้กับ 1-2 ธนาคารเท่านั้นเพื่อทดลองบริหารดูก่อน และหากลองแล้วสัก 1 ปีครึ่งแล้วโครงสร้างนี้เวิร์ก ก็น่าจะเห็นคนอื่นทำตาม ซึ่งอาจจะไม่ต้องทำเฉพาะกับ BAM ก็ได้”
ทั้งนี้การบริหารสินทรัพย์ที่จะใส่เข้ามาในบริษัท JV ยังต้องดูรายละเอียด และเซกเตอร์ของสินทรัพย์ที่เข้ามา เพราะมีต้นทุนค่าบริหารหนี้ที่ต่างกัน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
