ธนาคารกรุงไทยระบุว่า เช้าวันนี้ (18 ตุลาคม) ค่าเงินบาทอยู่ที่ 30.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากเมื่อวานนี้ (17 ตุลาคม) ที่ปิดตลาดในระดับ 30.32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าตลาดหุ้นในสหรัฐฯ อย่างดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2,997 จุด (อีก 28 จุดจะเท่ากับจุดสูงสุดที่เคยมี) แต่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับไม่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ เช่น เงินยูโร น้ำมัน และทองคำ ซึ่งปรับตัวขึ้นราว 0.95-1.2%
ดังนั้นประเมินว่าตลาดเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจดีขึ้น ความผันผวนในฝั่งยุโรปกำลังจะหมดไป และสินทรัพย์เสี่ยง (สินทรัพย์ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่รวมถึงไทย) จะกลับมาน่าสนใจ
ส่วนหนึ่งที่ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงน่าสนใจ ทางธนาคารคาดว่ามาจากความชัดเจนที่สหราชอาณาจักร (UK) และสหภาพยุโรป (EU) มี ‘ข้อตกลง’ ที่ชัดเจนขึ้น แม้ว่าทาง UK จะต้องนำข้อตกลงนี้กลับมาขอความเห็นจากสภาอังกฤษก่อน แต่โดยรวมตลาดเชื่อว่าเป็นความคืบหน้าที่สำคัญ
ทั้งนี้ด้านตลาดการเงินไทยพบว่า ตลาดพันธบัตร (บอนด์) ปรับตัวลงอย่างรวดเร็วจากข่าวข้อตกลง Brexit ดังกล่าว โดยล่าสุดผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) ไทยอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 1.57% (+5bps) และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.2 พันล้านบาท ขณะเดียวกันเงินบาทแข็งค่าตามกระแสดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าด้วย
ในอนาคตต้องติดตามว่าปัจจัยที่เป็นแรงกดดันจากกระแสการอ่อนค่าของดอลลาร์ (Risk On) เพราะแม้ว่าข้อตกลง Brexit ฉบับใหม่ทำให้เกิดการเจรจาร่วมกันระหว่าง UK และ EU ได้ แต่หากเกิด Brexit จริงจะกดดันเศรษฐกิจในฝั่งยุโรปให้แย่ลง ซึ่งเป็นผลร้ายกับตลาดทุน
อย่างไรก็ตาม หากแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างตราสารหนี้กลายเป็นแรงซื้อสินทรัพย์ หมายถึงนักลงทุนกลับมาเปิดรับความเสี่ยงจริง เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าได้ต่อเนื่อง โดยระหว่างวันนี้มีกรอบเงินบาท 30.25-30.35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า