ลีชองเหว่ย อดีตนักแบดมินตันมือหนึ่งของโลกชาวมาเลเซีย ประกาศแขวนแร็กเกตอำลาสนามแบดมินตันทั้งน้ำตาในวัย 36 ปี เนื่องจากปัญหาทางสุขภาพ หลังจากที่เขาเพิ่งรักษาตัวหายจากโรคมะเร็งโพรงจมูกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2018
โดยเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ลีชองเหว่ยได้ประกาศอำลาสนามแบดมินตันทั้งน้ำตา ภายในงานแถลงข่าวที่ Menara KBS เมืองปูตราจายา ประเทศมาเลเซีย
“วันนี้ผมเชื่อว่าหลายคนทราบดีว่าผมจัดงานแถลงข่าวนี้เพื่ออะไร ผมอยากจะประกาศเกษียณจากกีฬาที่ผมเล่นมาตลอด 19 ปี
“มันเป็นการตัดสินใจที่ยากมาก แต่ผมไม่มีทางเลือก หลังจากที่ได้ปรึกษากับแพทย์ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนที่แล้ว
“ผมต้องตอบคำถามทั้งหมด 8 ข้อเกี่ยวกับสุขภาพของผม และผลที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าผมไม่ฟิตพร้อมที่จะทำกิจกรรมหรือการแข่งขันในระดับสูง ผมจึงต้องตัดสินใจยุติบทบาทนักกีฬาเพื่อสุขภาพของผม
“ผมรักกีฬานี้มาก แต่มันเป็นกีฬาที่ต้องใช้งานร่างกายอย่างหนัก ผมจึงอยากขอบคุณชาวมาเลเซียทุกคนตลอด 19 ปีที่ผ่านมา”
ขณะที่ หลินตัน นักแบดมินตันชาวจีน คู่ปรับตลอดกาลของลีชองเหว่ยในคอร์ตแบดมินตัน ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย Weibo พร้อมกับเพลง My Friend, Don’t Cry และข้อความที่ระบุว่า เขาจะรู้สึกโดดเดี่ยวทุกครั้งที่ลงแข่งขันต่อจากนี้แล้ว หลังจากที่ลีชองเหว่ย คู่ปรับในสนามและเพื่อนรักในวงการกีฬายุติเส้นทางนักแบดมินตันอาชีพ
สำหรับลีชองเหว่ย แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในระดับอาชีพด้วยการคว้าแชมป์ไปทั้งหมด 69 รายการ แต่ในมหกรรมกีฬาทั้งโอลิมปิก เอเชียนเกมส์ และซีเกมส์ เขาไม่สามารถคว้าเหรียญทองได้เลย
โดยผลงานดีที่สุดคือการคว้าเหรียญเงิน 3 สมัยติดต่อกันในปี 2008, 2012 และ 2016 แม้ว่าสถิติสุดท้ายที่เขาอยากทำได้คือการลงแข่งขันโอลิมปิกติดต่อกันถึง 5 ครั้ง แต่ด้วยสภาพร่างกายในตอนนี้ทำให้เขาต้องยุติเส้นทางอาชีพนักกีฬาแบดมินตันอย่างเป็นทางการแล้ว
“ผมอยากจะไปโอลิมปิกอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกันสำหรับผม ไม่เคยมีนักกีฬามาเลเซียคนไหนทำได้มาก่อน ผมอยากจะสร้างประวัติศาสตร์ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการไปโอลิมปิก 5 ครั้งเท่ากับต้องใช้เวลาทั้งหมด 20 ปี”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: