×

BA เดินหน้าเสนอขายกองทรัสต์ BAREIT ภายในปีนี้ ชูผลตอบแทนปีแรก 8.46%

19.07.2022
  • LOADING...
BAREIT

บมจ.การบินกรุงเทพ หรือ BA ผู้ให้บริการสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (Bangkok Airways) เดินหน้าเสนอขายกองทรัสต์ BAREIT ภายในปีนี้ ชูผลตอบแทน 8.46% อิงจากรายได้ 1,100 ล้านบาทในปีแรก จากนั้นเติบโตเฉลี่ย 2% ต่อปี ชูจุดเด่นกองทุนฯ​ คือการลงทุนในสนามบินสมุยที่เป็นสนามบินยุทธศาสตร์และเป็นเกตเวย์เชื่อมต่อการเดินทางจากทุกมุมโลก พร้อมประเมินสัญญาณท่องเที่ยวในประเทศไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง

 

ลีฬภัทร ลีฬหวณิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงเทพ รีทแมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ กล่าวว่า บริษัทได้จัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินการบินกรุงเทพ (BA Airport Leasehold Real Estate Investment Trust) หรือ BAREIT เพื่อเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าสนามบินสมุยเป็นระยะเวลา 25 ปี ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ต้องการลงทุนในกองทรัสต์ที่ให้อัตราผลตอบแทนมั่นคงในระยะยาว 

 

โดยมูลค่ากองทรัสต์ BAREIT จะมีมูลค่าทั้งสิ้นราว 14,300 ล้านบาท มาจากการเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนไม่เกิน 10,330 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาวไม่เกิน 5,060 ล้านบาท โดยกองทรัสต์ BAREIT จะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินกิจการสนามบินสมุยจาก BA ซึ่งประกอบด้วย ทางวิ่ง ลานจอด และสิ่งปลูกสร้างบางส่วนที่ใช้ในการดำเนินกิจการสนามบินสมุย เป็นระยะเวลาประมาณ 25 ปี

 

ทั้งนี้ กองทรัสต์ BAREIT จะมีรายได้จากการให้เช่าช่วงสนามบินสมุยแก่บริษัทย่อยของ บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) ซึ่งจะเป็นผู้บริหารสนามบิน จึงมั่นใจได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวจะมีการบริหารจัดการที่ดีและจัดหารายได้อย่างเพียงพอ ประกอบกับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวก็จะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินทั้งในและจากต่างประเทศ ทำให้กองทรัสต์ BAREIT จะมีรายได้ค่าเช่าสม่ำเสมอจากผู้เช่า และทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่มั่นคง

 

สาวิตร ศรีศรันยพงศ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินการบินกรุงเทพ หรือ BAREIT กล่าวว่า กองทรัสต์ BAREIT ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์และแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ของ BAREIT ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่ออนุมัติการเสนอขายหน่วยทรัสต์แก่นักลงทุน คาดว่าจะระดมทุนและนำหน่วยทรัสต์เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในปีนี้ 

 

ทั้งนี้ ได้ประมาณการเงินตอบแทนจากเงินปันผลปีแรกที่ 8.46% โดยอิงจากรายได้ค่าเช่าที่เข้ากองทุนฯ ในปีแรกที่ 1,100 ล้านบาท และวางเป้ารายได้ของกองทุนฯ เติบโตเฉลี่ยปีละ 2% ตลอดระยะสัญญา 25 ปี ขณะเดียวกัน กองทุนฯ ยังมีโอกาสปรับสัญญาเรื่องรายได้ค่าเช่าให้เติบโตมากกว่า 2% ต่อปีได้ หากในอนาคตมีการพิจารณาเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่ม โดยความพิเศษของกองทรัสต์ BAREIT คือสามารถนำทรัพย์สินอื่นๆ ของกลุ่ม บมจ.การบินกรุงเทพ หรือ BA เข้ามาเพิ่มเติมได้ในอนาคต ทั้งสนามบินตราดและสนามบินสุโขทัย รวมถึงสนามบินในต่างประเทศ 


“กองทรัสต์ BAREIT โดดเด่นกว่ากองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย (SPF) เพราะสามารถเพิ่มทรัพย์สินได้หลากหลาย ที่สำคัญ BAREIT ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอแม้จะเจอช่วงผันผวนของตลาด โดยให้ผลตอบแทนคงที่ตลอดอายุสัญญา หรือจนกว่าจะมีทรัพย์สินใหม่เข้ามา ขณะที่กองทุน SPF ให้ผลตอบแทนดีเช่นกัน แต่เจอความผันผวนผลตอบแทนก็จะลดลงตามเช่นกัน”

 

สำหรับโครงสร้างผู้ถึอหน่วย BAREIT กลุ่ม BA ถือไม่มต่ำกว่า 25% นอกจากนั้นจะเสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันและรายย่อยอย่างละ 50:50 

 

ขณะที่ พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) ในฐานะเจ้าของทรัพย์สิน (Sponsor) กล่าวว่า หลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบและผ่อนคลายเงื่อนไขการเดินทางเข้าประเทศไทยของชาวต่างชาติ ถือเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดว่า ในปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 7-10 ล้านคน ปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อดีบรรยากาศการท่องเที่ยวของเกาะสมุยที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว 

 

ทั้งนี้ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปี จะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season) ของเกาะสมุย จึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก เห็นได้จากอัตราการจองซื้อบัตรโดยสารล่วงหน้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจำนวนผู้เดินทางที่มาใช้บริการสนามบินสมุยจะกลับเข้าสู่ระดับปกติภายในปี 2567 และทยอยเติบโตเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต 

 

ทั้งนี้ สนามบินสมุยของ BA เป็นสนามบินเอกชนแห่งแรกของไทยและเป็นสนามบินนานาชาติที่รองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศและภายในประเทศ โดยสามารถให้บริการแก่ผู้โดยสารได้วันละ 16,000 คน หรือประมาณ 6 ล้านคนต่อปี และอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่สำคัญของการท่องเที่ยว และเป็นเกตเวย์หรือประตูสู่ประเทศไทยที่เชื่อมต่อการเดินทางไปยังเมืองสำคัญในภูมิภาคได้อย่างสะดวก

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising