เนื่องจากทริปนี้ เราได้ ครูดาม ศรีจันทร์ มาร่วมเป็นเทรนเนอร์พิเศษ จุดนัดพบจึงอยู่ที่โรงเรียนสอนมวยไทยครูดาม สาขาสุขุมวิท 36 ยิมมวยทันสมัยใจกลางกรุง ที่พร้อมด้วยอุปกรณ์และครูมวยมืออาชีพ แค่เห็นก็ช่วยให้อยากออกแรงเสียแล้ว
สถานที่แรกที่เราเยือนอยุธยาคือ วัดพระงาม ตั้งอยู่ในเขตตำบลคลองสระบัว เป็นวัดร้างที่มีจุดเด่นอยู่ที่ซุ้มประตูด้านหน้าที่ถูกโอบล้อมด้วยต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ เวลาเดินลอดจะให้ความรู้สึกเหมือนเดินย้อนผ่านกาลเวลา ทำให้ประตูนี้ถูกชาวบ้านเรียกว่า ‘ประตูแห่งกาลเวลา’ บริเวณวัดมีองค์เจดีย์แปดเหลี่ยมเป็นประธาน มีกำแพงแก้ว และคูน้ำล้อมรอบตามแบบวัดในสมัยนั้น แม้จะเหลือแต่เพียงซาก แต่ก็ยังสะท้อนถึงความสวยงามในอดีตได้
ทางด้านหน้าวัดพระงาม หากสังเกตดีๆ คุณจะเห็นเพิงเล็กๆ ขายขนมแห่งหนึ่ง ด้านหลังเพิงเล็กๆ เป็นสถานที่ตั้งของบ้าน ครูสุนทร โสวาปี ครูศิลป์แห่งแผ่นดิน ประเภทเครื่องหิน เมื่อ พ.ศ. 2559 เจ้าของรางวัล ‘บุษราคัมมณีศรีราชภัฏ 2558’ หนึ่งในตำนานช่างแกะสลักแห่งกรุงเก่า พระนครศรีอยุธยา แม้ปีนี้ครูสุนทรจะอายุกว่า 80 ปีแล้ว แต่นักท่องเที่ยวยังสามารถแวะไปเยี่ยมครูได้ โดยลูกชายครูจะเป็นผู้ต้อนรับ และพาเยี่ยมชมผลงาน
นั่งสามล้อตะลอนกรุงเก่ากันต่อ พาไปกราบขอพรจากหลวงพ่อทันใจ ณ วัดกลางคลองสระบัว ว่ากันว่าใครขออะไรก็สมความปรารถนา วัดนี้สันนิษฐานว่า สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น มีอายุประมาณ 300 กว่าปี
ไหว้พระขอพรหลวงพ่อทันใจ ณ วัดกลางคลองสระบัว
ศาสตร์แห่งการสักยันต์กำลังได้รับความนิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ถ้าคุณลองเปิดเข้าไปดูในหมวด Experience ของ Airbnb หรือแม้แต่ตามบริษัททัวร์อื่นๆ ก็มักจะมีกิจกรรมสักยันต์รวมอยู่ด้วย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพาเราไปสักยันต์ ณ สำนักอาจารย์กบ หนึ่งในลูกศิษย์หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง ที่โด่งดัง สารภาพตามตรงว่า เราก็ไม่รู้เรื่องศาสตร์การสักยันต์ หรือคาถาอาคมมากนัก แต่ถ้ามองเป็นศิลปะ หรืองานฝีมือ เราชอบฝีเข็มของอาจารย์มาก เพราะสักสดไร้การร่าง แถมยังลงเข็มได้สม่ำเสมอ แม่นยำ ส่วนใครที่อยากลองสัก สามารถเลือกพร้อมคุณสมบัติได้ เช่น เรียกเงิน เรียกโชค ให้ลาภ คนเอ็นดู แคล้วคลาดปลอดภัย ฯลฯ ราคาก็มีตั้งแต่ 200 กว่าบาท ไปจนถึงหลักพัน แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับความยากของลวดลายด้วย
หลังตะลอนเที่ยวมาทั้งวัน เราก็มาถึงไฮไลต์ของทริปกันแล้ว อโยธยา ไฟท์ยิม เป็นยิมมีชื่อในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่เปิดสอนทั้งวิชามวยและวิชาดาบ ลูกศิษย์ของค่ายมีทั้งเด็กเล็กๆ อายุไม่กี่ขวบ ไปจนถึงนักมวยอาชีพที่ลงแข่งขันคว้ารางวัล แน่นอนว่า ที่นี่เป็นยิมมวยจริงจัง ซึ่งต่างจากยิมตามฟิตเนส แต่แน่นอนว่าผู้มาเรียนก็มีทั้งชาวต่างชาติที่สนใจเรื่องมวยไทย และคนไทยที่ใช้มวยไทยออกกำลังกาย
ครูมวยสอนเราตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน เรื่องการวอร์มร่างกาย การออกท่าทางต่างๆ วิธีการออกหมัด และสเตปเท้าที่ถูกต้อง ก่อนให้เราลองฝึกจริงกับครูมวยแบบตัวต่อตัว ช่วงแรกแม้จะยังเก้ๆ กังๆ อยู่บ้าง แต่ไม่นาน พอเริ่มจับจังหวะได้ก็เริ่มสนุก เสียงชก เตะต่อย กับกระสอบทราย กับเป้าล่อดัง ‘ป้าบ! ป้าบ!’ อย่างต่อเนื่อง ยิ่งเป็นเสียงการสาธิตจากครูมวยด้วยกันแล้ว ยิ่งรุนแรงและดุดัน
เรียกเหงื่อกันพอปากหอมคอแล้ว อาบน้ำแต่งตัว ปิดท้ายทริปด้วยกิจกรรมนวดแผนไทย และกุ้งแม่น้ำเผาตัวโตๆ ฟินมาก
ใครที่สนใจอยากเที่ยวอยุธยาในมุมต่าง ที่นอกจากไหว้พระ ชมเมืองเก่า แต่ไปลองหัดมวยไทย ฝึกเพลงดาบ สามารถหาข้อมูลเพิ่มได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเพชรบุรี หรือเว็บไซต์ thai.tourismthailand.org มีรายละเอียดของค่ายมวยและโปรแกรมการเที่ยวคร่าวๆ ให้ตามรอยเยอะมาก เราไปลองมาแล้ว 1 เส้นทาง รู้สึกสนุกมาก เปิดประสบการณ์ใหม่ของการท่องเที่ยวอยุธยาให้เราได้ดีเชียวล่ะ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล