ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา (11 พฤศจิกายน 2562) หุ้นใหญ่ IPO ในรอบ 14 ปีอย่าง บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC อยู่ในเครือ เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจากราคา IPO ที่ 6.00 บาท ลดลงต่ำสุดมาอยู่ที่ 5.25 บาทต่อหุ้น
สาเหตุหนึ่งเพราะแรงขายในตลาดจากนักลงทุนสถาบันที่อาจผิดหวังจากหุ้น AWC ไม่ได้เข้าคำนวณในดัชนี MSCI, หมดระยะเวลาการใช้ Greenshoe Option โดยวันนี้ (14 พฤศจิกายน 2562) ราคาหุ้น AWC ทยอยปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 5.64 บาทต่อหุ้น หลังจากเปิดผลงบการเงินว่า 9 เดือนแรกปี 2562 มีกำไรสุทธิ 557.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
แต่ธุรกิจและราคาหุ้นจะเป็นขาขึ้นหรือไม่ ลองมาอ่านแผนธุรกิจของ AWC หลังจากนี้กัน
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC
AWC เปิดแผนลงทุนทั่วประเทศงบเกือบ 100,000 ล้านบาท มองเทรนด์ท่องเที่ยวไทยยังโต
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า จากแผนงานของ AWC ในช่วง 5 ปี (ปี 2563-2567) ที่จะใช้เงินลงทุนราว 55,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 25,000 ล้านบาท เตรียมซื้อที่ดิน และอีก 30,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กว่า 13 โครงการ มีทั้งมิกซ์ยูส โรงแรม และอื่นๆ
“ตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษา และเตรียมเสนอบอร์ดฯ ในวงเงินลงทุนเพิ่มอีกราว 40,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการหลังจากแผน 5 ปีนี้ เพราะโครงการฯ ส่วนใหญ่จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ตามแผนทาง AWC จะมีโครงการมิกซ์ยูสใหญ่ 2 โครงการได้แก่ AWC Center Pattaya (อาจจะมีการเปลี่ยนชื่อในอนาคต) และโครงการที่มีอยู่แล้วอย่าง เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์ ที่จะพัฒนาโดยสร้างโรงแรมเพิ่ม 2 โครงการ คือในส่วนเอเชียทีคพื้นที่ราว 20 ไร่จะร่วมมือกับแมริออทฯ สร้างห้องพักราว 800 ห้อง และโครงการโรงแรมใหม่บริเวณซอยเจริญกรุง 93 ยังไม่มีข้อสรุปรายละเอียด
อย่างไรก็ตาม ทาง AWC จะขยายการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปทั่วประเทศ จากโครงการที่มีอยู่ โครงการที่จะสร้างใหม่และอยู่ระหว่างการพัฒนาในหลายพื้นที่ เช่น กรุงเทพฯ, พัทยา, เชียงใหม่, กระบี่ ฯลฯ
“การท่องเที่ยวไทยปีนี้ยังเติบโต แต่ไม่ได้โตแบบตื่นเต้น ซึ่งปีหน้ามองว่าการท่องเที่ยวในไทยจะดีกว่าปีนี้ เพราะไทยยังเป็นจุดหมายที่ต่างชาติเข้ามาเที่ยว โดยคาดว่าโครงการพัทยาที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ เดินทางสะดวกจะมีการเติบโตสูงทั้งจากเทรนด์การท่องเที่ยวในปัจจุบัน และ EEC ที่จะมาถึง ขณะที่โครงการฝั่งภูเก็ตจะมีการเติบโตเช่นกัน แต่เป็นอัตราที่น้อยกว่าพัทยา”
AWC ประสานมือ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ทำโครงการใหญ่พัทยา-ภูเก็ต
จากจุดยืนของ AWC ที่เน้นการลงทุน การพัฒนาโครงการ แต่การบริหารงานในโครงการต่างๆ จะร่วมมือกับพันธมิตร ล่าสุด มีการลงนามในสัญญากับ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นพันธมิตรมากว่า 6 ปี เพื่อบริหารธุรกิจร่วมกันผ่าน 3 แบรนด์ที่พัทยาและภูเก็ต ได้แก่
1. AWC Center Pattaya โครงการมิกซ์ยูสใหม่ขนาดใหญ่ บนพื้นที่ 16 ไร่ ตั้งเป้าหมายเป็น Destinations ระดับโลก เป็นทั้งศูนย์กลางด้านไลฟ์สไตล์และการท่องเที่ยวชั้นนำ โดยจำลองแนวคิดและรูปแบบมาจากเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์ ในกรุงเทพฯ ซึ่งจะมีทั้งพื้นที่ค้าปลีก พื้นที่ Attractions (จุดดึงดูด) และส่วนโรงแรมจะมี 2 แบรนด์ของแมริออท (โรงแรม เจดับบลิว แมริออท เดอะ พัทยา บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา และโรงแรม พัทยา แมริออท มาร์คีส์) ซึ่งมีห้องพักรวม 1,298 ห้อง ที่เจาะกลุ่มลูกค้ามาสัมมนา และลูกค้ากลุ่มลักชัวรี จุดเด่นคือ อยู่ใจกลางเมืองพัทยา เชื่อมโยงกับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงและโมโนเรลได้ง่าย
คาดว่าส่วนช้อปปิ้งจะเปิดให้บริการ และบริษัทฯ รับรู้รายได้ในอีก 4 ปี และส่วนโรงแรมจะเปิดบริการหลังเริ่มก่อสร้างโครงการ 5 ปี
2. โรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ บนพื้นที่ 6 ไร่ ถือเป็นการรีแบรนด์จากโรงแรมเมโทรโพล ภูเก็ต มาเป็นห้องพัก 248 ห้อง ภัตตาคารและร้านอาหาร 2 แห่ง และพื้นที่จัดประชุมสัมมนา อย่างไรก็ตามคาดว่าจะเปิดให้บริการและเริ่มรับรู้รายได้ใน 2 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ หลังการเซ็นสัญญาทาง AWC ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าของโรงแรมแบรนด์ในเครือแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล รายใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศจีน) จะมีโรงแรมเพิ่มขึ้น 3 แห่ง มีห้องพักรวมเป็น 5,820 ห้อง (หากรวมกับโรงแรมในเครือของบริษัททั้งหมด มีอยู่ 6,826 ห้อง)
อย่างไรก็ตาม AWC มีรายได้ด้านอื่น นอกเหนือจากกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ อย่าง เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์, เกตเวย์ บางซื่อ, พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ฯลฯ รวมไปถึงกลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานอย่างเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ แอทธินี ทาวเวอร์ ฯลฯ
ยิ่งทรัพย์สินมากเท่าไร AWC ยิ่งต้องวางแผนธุรกิจให้รอบด้าน หลังจากนี้ AWC จะเลือกลงทุนโครงการอะไรต่อ คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
