Great Barrier Reef เป็นแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งมีความยาวประมาณ 2,300 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 3.44 แสนตารางกิโลเมตร และได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติโดยยูเนสโก เมื่อปี 1981 ปัจจุบันแนวปะการังแห่งนี้ถูกทำลายไปแล้วมากกว่า 30% เนื่องจากภาวะเรือนกระจกที่ส่งผลให้อุณหภูมิในท้องทะเลเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงนักล่าปะการังอย่างดาวมงกุฎหนาม (Crown-of-thorns starfish)
โดยผลการสำรวจทางอากาศเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมาชี้ Great Barrier Reef เริ่มเกิดอาการฟอกขาวขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เป็นระยะทางเกือบ 1,500 กิโลเมตร
ล่าสุด รัฐบาลออสเตรเลียประกาศแผนการเร่งฟื้นฟูและปกป้องแนวปะการัง Great Barrier Reef อย่างจริงจัง โดยทุ่มงบประมาณสูงถึง 500 ล้านเหรียญออสเตรเลีย (ราว 12,000 ล้านบาท) พร้อมทั้งสนับสนุนให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงแนวปะการังละเว้นการใช้ยาฆ่าแมลง รวมถึงสารพิษต่างๆ ที่อาจจะเจือปนและตกค้างในน้ำทะเล เป็นเหตุให้ปะการังและสัตว์น้ำต่างๆ ได้รับผลกระทบ
ทางด้าน เดวิด ริทเตอร์ ซีอีโอใหญ่ของกลุ่มกรีนพีซออสเตรเลียแปซิฟิกเผยว่า “คุณไม่สามารถที่จะรักษาแนวปะการัง Great Barrier Reef ได้ โดยไม่มีการปรับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างคาร์บอนไดออกไซด์ นั่นหมายความว่าต้องไม่มีการใช้ประโยชน์จากถ่านหิน น้ำมัน หรือแก๊สเพิ่มขึ้นอีก”
อ้างอิง:
