ทางการรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐควีนส์แลนด์ของออสเตรเลีย ประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อรับมือวิกฤตไฟป่าในวันนี้ (11 พฤศจิกายน) หลังสถานการณ์ทวีความรุนแรงต่อเนื่อง โดยมีไฟป่าเกิดขึ้นในทั้งสองรัฐรวมมากกว่า 120 จุด เฉพาะที่รัฐนิวเซาท์เวลส์มีไฟป่าเกิดขึ้น 64 จุด ในจำนวนนี้ 40 จุดยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ ซึ่งผลกระทบจากไฟป่าคร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 3 คน สูญหาย 5 คน บ้านเรือนถูกไฟเผากว่า 150 หลัง และมีรายงานว่าโคอาลา สัตว์ท้องถิ่นของออสเตรเลียจำนวนกว่า 350 ตัวอาจตายเพราะไฟป่าครั้งนี้
สำนักงานดับเพลิงชนบท (RFS) รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประกาศยกระดับเฝ้าระวังไฟป่าขั้น ‘หายนะ’ ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดเป็นครั้งแรกรอบนครซิดนีย์และพื้นที่ตอนเหนือของเมือง หลังไฟป่าลุกไหม้ขยายพื้นที่ตั้งแต่นครซิดนีย์ไปจนถึงเมืองโกลด์โคสต์เป็นระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร และคาดว่าสถานการณ์วันพรุ่งนี้ (12 พฤศจิกายน) จะยิ่งเลวร้ายลงอีก โดยระดับอุณหภูมิในพื้นที่ไฟป่าหลายจุดคาดว่าจะพุ่งสูงถึง 37 องศาเซลเซียส
“ภายใต้สภาวะเช่นนี้ เปลวเพลิงเหล่านี้จะแพร่ขยายอย่างรวดเร็วและคุกคามบ้านเรือนและชีวิตประชาชน” สำนักงานดับเพลิงชนบทรัฐนิวเซาท์เวลส์ระบุในแถลงการณ์
ขณะที่ทางการสั่งอพยพประชาชนหลายพันคนในสองรัฐ รวมทั้งสั่งปิดโรงเรียนและสถานที่ราชการหลายสิบแห่ง พร้อมระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 1,300 นายเพื่อเร่งควบคุมไฟป่า โดยมีประชาชนหลายร้อยคนอาสาช่วยเหลือ ขณะเดียวกันทางการรัฐวิกตอเรียและทางการนิวซีแลนด์ก็ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงหลายร้อยนายไปช่วยเหลือ
กระทรวงกิจการภายในของออสเตรเลียเปิดเผยว่าจะจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนที่บาดเจ็บหรือสูญเสียบ้านเรือนสำหรับผู้ใหญ่คนละ 1,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (20,800 บาท) และสำหรับเด็กคนละ 400 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (8,320 บาท)
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลออสเตรเลียปฏิเสธที่จะระบุว่าสภาพอากาศแปรปรวนมีส่วนก่อให้เกิดไฟป่าครั้งนี้หรือไม่ โดยนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน เน้นย้ำความสำคัญในการรับมือสถานการณ์และคำนึงถึงผู้สูญเสีย
“ความคิดเดียวของผมวันนี้อยู่กับผู้ที่สูญเสียชีวิตและครอบครัว” มอร์ริสันกล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
