ในเวทีประชุมสัมมนา World Economic Forum on ASEAN 2018 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม นางออง ซาน ซูจี ผู้นำโดยพฤตินัยของเมียนมา ชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ในรัฐยะไข่ว่า ทางการรับทราบปัญหาอยู่แล้ว และเชื่อว่าจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้ ส่วนกรณีการกักขัง 2 นักข่าวรอยเตอร์สหลังศาลพิพากษาว่ามีความผิดกรณีขุดคุ้ยเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวโรฮีนจานั้น นางซูจียืนยันว่า การพิจารณาคดีเป็นไปอย่างยุติธรรม
“เราเชื่อว่าการจะสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในระยะยาวได้ เราจะต้องยุติธรรมกับทุกฝ่าย และหลักนิติธรรมต้องใช้กับทุกๆ คน” นางซูจีกล่าว
ผู้นำเมียนมากล่าวเสริมว่า “รัฐยะไข่ประกอบด้วยชนกลุ่มน้อยต่างศาสนาหลายกลุ่ม ไม่ใช่แค่ชาวมุสลิมกับชาวยะไข่เท่านั้น แต่ยังมีชนกลุ่มน้อยกลุ่มเล็กๆ อีกจำนวนมากที่กำลังหายไป ซึ่งเราต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกเขาทุกคน แม้ว่าโลกที่เหลือจะไม่สนใจชนกลุ่มน้อยที่เล็กกว่าก็ตาม”
นางซูจีเผยว่า ก่อนที่เหตุการณ์รุนแรงในรัฐยะไข่จะบานปลายตลอดช่วง 2 ปีมานี้ เธอพยายามจัดตั้งกลไกเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งที่ฝังรากลึกมานาน และส่งเสริมสันติภาพในรัฐยะไข่
“เราจัดตั้งคณะกรรมการกลางเพื่อหลักนิติธรรมในรัฐยะไข่ แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายในเดือนตุลาคม ปี 2016 แผนการของเราก็ถูกเลื่อนออกไป เพราะเราต้องจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้าก่อน”
ปัจจุบันมีประชาชนยะไข่ประมาณ 1 ล้านคน ที่อาศัยอยู่ในบังกลาเทศ และรอคอยที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาในเมียนมา
ส่วนการกักขังนักข่าวรอยเตอร์ส 2 คน สืบเนื่องจากกรณีที่พวกเขาพยายามสืบสวนเหตุการณ์การสังหารหมู่ชาวโรฮีนจาในรัฐยะไข่นั้น นางซูจีชี้แจงว่า “หากใครรู้สึกว่ามีการตัดสินผิดพลาดในกระบวนการยุติธรรมของเมียนมา ฉันขอให้พวกเขาระบุมาให้ชัดเจน การพิจารณาคดีนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก แต่เป็นเพราะการฝ่าฝืนรัฐบัญญัติว่าด้วยความลับของทางการ (Official Secrets Act)
“หากเราเชื่อในหลักนิติธรรม เรามีสิทธิ์ที่จะอุทธรณ์คำตัดสิน และชี้ให้เห็นว่าทำไมถึงตัดสินผิด”
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: WEF