ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปี 2566 เป็นปีที่ AssetWise ประสบความสำเร็จอย่างมากจากการเปิดตัวโครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมรวม 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 30,260 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้เดิม 12 โครงการ และสามารถทำยอดขายได้ถึง 16,486 ล้านบาท เติบโตกว่า 16% เมื่อเทียบกับปี 2565 สะท้อนให้เห็นว่าทิศทางการเติบโตของ AssetWise นั้นมองหาโอกาสพัฒนาโปรดักต์ออกสู่พื้นที่ใหม่ๆ ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง

กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ฉายภาพเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนและมีแรงกดดันรอบด้าน แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับสัญญาณบวกที่เข้ามาช่วยส่งเสริมและกระตุ้นกำลังซื้อจากหลายปัจจัย เริ่มตั้งแต่การต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนองออกไปอีก 1 ปี รวมถึงมาตรการฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 มีนาคม 2567 จะช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวในไทยมากขึ้น ทำให้เห็นถึงโอกาสการเติบโตของอสังหาที่จะมีทั้งกลุ่มที่ซื้อเพื่อการลงทุนและซื้อเพื่ออยู่อาศัยทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยว

ปี 2567 เตรียมเปิด 12 โครงการใหม่ทั้งคอนโดและบ้าน

เพื่อรองรับโอกาสดังกล่าว ในปี 2567 ได้วางเป้าหมายเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่า 25,920 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโด 9 โครงการ เริ่มจากทำเลกรุงเทพฯ ได้แก่ Maroon รัชดา 32 บูติกคอนโดแบรนด์น้องใหม่ ตามด้วย Kave Playground, Kave Luminous บางมด, Kave Genesis ทำเลใกล้มหาวิทยาลัยศิลปากร, Atmoz และ Aquarous หาดจอมเทียน-พัทยา ส่วนทำเลภูเก็ต ได้แก่ The Title Heritage บางเทา, The Title Serenity ในยาง และ The Title หาดราไวย์

ส่วนโครงการแนวราบ 3 โครงการ ได้แก่ Esta Serenity บ้านสไตล์ไทยโมเดิร์นบนถนนบรมราชชนนี ริมแม่น้ำท่าจีน ตามด้วย CHANN The Riverside บ้านเดี่ยวสไตล์บูติกบนที่ดินแปลงเดียวกัน และ The Arbor รามอินทรา-วัชรพล บ้านเดี่ยวสไตล์ครีเอทีฟโมเดิร์นติดทางลงทางด่วนจตุโชติ

จะเห็นว่าความน่าสนใจของโครงการที่กำลังจะเปิดใหม่ของ AssetWise จะอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพทั้งกรุงเทพฯ ตามด้วยปริมณฑล พื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และภูเก็ต

พร้อมกันนี้ AssetWise มีโครงการที่สร้างเสร็จใหม่พร้อมโอนอีก 9 โครงการ แบ่งเป็นคอนโด 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 9,557 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 2 โครงการ และปัจจุบันบริษัทมียอด Backlog อยู่ถึง 19,500 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนโครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 13,700 ล้านบาท ตามด้วยโครงการในทำเล EEC 1,800 ล้านบาท และโครงการในภูเก็ตอีกกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2567 ต่อเนื่องไปถึงปี 2569 

ทั้งนี้ได้วางเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 17,800 ล้านบาท เติบโตประมาณ 8% จากปี 2566 ส่วนเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 8,700 ล้านบาท

และสัดส่วนโครงการต่างๆ ของบริษัทในช่วง 2-3 ปีจะมีความสมดุลมากขึ้น โดยสัดส่วนคอนโดจะลดลงมาอยู่ที่ 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 80-90% ส่วนสัดส่วนโครงการแนวราบจะเพิ่มขึ้นมาที่ 20% และสัดส่วนโครงการในภูเก็ตจะเพิ่มขึ้นมาที่ 30% 

มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจผ่านแนวคิด ‘THE NEW FRONTIERS’

เมื่อเจาะลึกถึงแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจผ่านแนวคิด ‘THE NEW FRONTIERS’ ให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงในทุกมิติ ประกอบไปด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

1. Execute สร้างสรรค์บ้านและคอนโดให้มีคุณภาพ ควบคู่กับการรักษาความแข็งแกร่งของพอร์ตธุรกิจหลัก นั่นก็คือคอนโดที่มี 3 แบรนด์เรือธงอย่าง Kave, Atmoz และ Modiz เน้นเปิดบนทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวก ใกล้สถาบันการศึกษา ใกล้แหล่งงาน โดยปีนี้ได้เปิดตัวคอนโดใหม่ 6 โครงการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงทำเลหาดจอมเทียน-พัทยา เข้าไปเจาะเมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ

ตามด้วย 2. Expand ขยายโครงการให้เติบโตในทุกมิติ ทั้งด้านทำเล สินค้า และราคา โดยยังพัฒนาโครงการในทำเลที่เชี่ยวชาญ และมองหาโอกาสในการขยายทำเลใหม่ที่มีโอกาสในการพัฒนาและเติบโตไปในทำเลที่มีศักยภาพ รวมถึงการพัฒนาโครงการแนวราบให้มีความหลากหลาย ภายใต้แบรนด์ Esta, The Arbor, The Honor และล่าสุด CHANN The Riverside บ้านเดี่ยวบูติกบนโค้งน้ำเส้นบรมราชชนนี ติดแม่น้ำท่าจีน พร้อมขยายธุรกิจสู่พื้นที่ EEC ทั้งศรีราชา บางแสน และระยอง ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวและแหล่งนิคมอุตสาหกรรม

และกลยุทธ์ที่ 3. Explore การแสวงหาโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ภายใต้โครงการ Mingle Mall ที่ประกอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ, Well Aesthetic & Wellness Center พื้นที่เช่าสำหรับธุรกิจประเภทศูนย์สุขภาพและคลินิกด้านความงามใจกลางย่านรัชดาภิเษก  

และล่าสุดได้เปิดตัว Mingle Sport Village ศูนย์กีฬาในร่มเอาใจสายรักสุขภาพ รวมถึง Rocket Fitness ที่ใช้ประสบการณ์และความชำนาญในด้านการทำธุรกิจอสังหายาวนานกว่า 19 ปี ภายใต้การบริหารงานของบริษัท เทรเชอร์ เอ็ม จำกัด ในเครือ AssetWise รวมถึง ZAAP World ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอนเสิร์ต และอีเวนต์ต่างๆ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาของบริษัทอีกด้วย

AssetWise เดินหน้าขยายธุรกิจในภูเก็ตที่กำลังโตกระฉูด

อีกหนึ่งตลาดที่กำลังเติบโตต่อเนื่องคืออสังหาที่ภูเก็ต ในปีที่ผ่านมา AssetWise เดินหน้าขยายธุรกิจในภูเก็ตด้วยการจับมือกับบริษัทพัฒนาอสังหาที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจตลาดภูเก็ตเป็นอย่างดี โดยปัจจุบัน AssetWise พัฒนาคอนโดแบรนด์ The Title ภายใต้บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ในเครือ AssetWise

ล่าสุดได้เปิดขายโครงการ The Title Legendary บางเทา ช่วงปลายปี 2566 ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างดี จนตอนนี้มียอดขายรวมแล้วกว่า 80%  

สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ The Title และเพื่อต่อยอดความสำเร็จ ในปี 2567 บริษัทมีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการ The Title Heritage บางเทา มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท, โครงการ The Title Serenity ในยาง มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท และ The Title หาดราไวย์ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท  

นอกจากนี้ยังได้ร่วมลงทุนพัฒนาโครงการ BOTANICA Grand Avenue ลักชัวรีพูลวิลล่าที่เป็นเมกะโปรเจกต์ มูลค่าสูงถึง 13,000 ล้านบาทในสัดส่วน 30% ทำให้พอร์ตอสังหาในภูเก็ตของ AssetWise ครอบคลุมมากขึ้น โดยมีโปรดักต์ Leisure คอนโด และวิลล่าระดับลักชัวรี

โดยรายได้จากภูเก็ตจะทยอยรับรู้รายได้จาก The Title เข้ามาเต็มปีตั้งแต่ปี 2567 ที่จะทยอยโอนโครงการ The Title Halo 1 และในปี 2568 จะมีการโอนโครงการ The Title Legendary บางเทา ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนผลการดำเนินงานของบริษัทให้เป็นไปตามเป้า

ปรับโครงสร้างภายในรองรับการเติบโตในอนาคต

ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทได้ปรับโครงสร้างภายในโดยแต่งตั้งผู้บริหารของแต่ละกลุ่มธุรกิจเป็นแม่ทัพในการพัฒนาโครงการ เริ่มตั้งแต่ พชร ประพันธ์วัฒนะ กรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มคอนโดมิเนียม, เกรียงศักดิ์ เหี้ยมโท้ กรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวและเดอะไทเทิล, เวคิน ตั้งกุลวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยว และ บรรจง ลัคนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทรเชอร์ เอ็ม จำกัด 

โดยการปรับโครงสร้างดังกล่าวจะสามารถพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น เนื่องจากมีความเข้าใจความต้องการของลูกค้า รวมไปถึงจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารงาน เพื่อรองรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต

“ด้วยกลยุทธ์ทั้งหมดนี้ เชื่อว่าปี 2567 จะเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเติบโตของ AssetWise ที่จะสามารถตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตของลูกค้าทุกกลุ่มได้เป็นอย่างดี และช่วยผลักดันให้ AssetWise สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้”