ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ บมจ.แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป หรือ A5 พุ่งขึ้นจากระดับ 2.34 บาทไปทำจุดสูงสุดที่ 4.72 บาท หรือเพิ่มขึ้น 101.7% ในขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ผู้ถือใหญ่รายใหม่ยังไม่ได้เติบโตมากนักในช่วงที่ผ่านมา
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ A5 เคยเป็นบริษัทที่ชื่อว่า บมจ.อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น (ADAM) ก่อนจะมีการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่จาก ‘เกรียงไกร ศิระวณิชการ’ มาเป็น ‘ศุภโชค ปัญจทรัพย์’ ตั้งแต่ปี 2562 พร้อมกับการนำธุรกิจอสังหาเข้ามาสวมแทนธุรกิจเดิมของ ADAM และเปลี่ยนชื่อเป็น A5 ในที่สุด
บทความที่เกี่ยวข้อง
- “นี่เป็นราคาที่เราพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย” เจ้าของสุกี้ตี๋น้อยกล่าวหลัง Jaymart ควักเงิน 1.2 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น 30%
- ADVANC ทุ่ม 32,420 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ 3BB จาก JAS
- กางแผน ‘โอ้กะจู๋’ หลังมี OR เป็นแบ็กอัป เดินหน้าขยายสาขาเพิ่มเป็น 60 แห่ง ขายผักสดและบุก CLMV ก่อน IPO ในปี 2567
ปัจจุบันผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งของ A5 คือตระกูลปัญจทรัพย์ ซึ่งถือหุ้นรวมกัน 48.6% อิงจากข้อมูลวันปิดสมุดทะเบียนเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองเปลี่ยนมือมาเป็น ‘ทวีรัช ปรุงพัฒนสกุล’ ซึ่งทยอยซื้อหุ้นจนล่าสุดมีสัดส่วนการถือครองรวม 20.15%
ในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน หากพิจารณาจากงบการเงินงวด 9 เดือน ปี 2565 บริษัทเริ่มมีรายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้น โดยมีรายได้จากการขายอสังหารวม 622.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม กำไรของบริษัทในปีนี้ปรับตัวลดลง 30% เป็นผลจากการที่ปีก่อนบริษัทได้บันทึกกำไรจากการขายที่ดินจำนวน 105.24 ล้านบาท ในขณะที่ 9 เดือนของปีนี้ไม่ได้มีการขายที่ดินเหมือนกับปีก่อน
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากผลประกอบการของบริษัทเฉพาะไตรมาส 3 ที่ผ่านมา จะเห็นว่ารายได้จากธุรกิจอสังหาของบริษัทกลับมาหดตัว 62.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 4.35 ล้านบาท
ราคาหุ้นของ A5 ที่พุ่งขึ้นแรงสวนทางกับผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ทำให้อัตราส่วน P/E ของ A5 อิงจากกำไรเฉลี่ย 12 เดือนย้อนหลัง พุ่งขึ้นจากราว 25 เท่ามาอยู่ที่ 54 เท่า ขณะที่อัตราส่วน P/BV ก็พุ่งขึ้นเป็น 5.96 เท่า สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของหุ้นในกลุ่มอสังหาของตลาด mai
ราคาที่ร้อนแรงต่อเนื่องส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้หุ้น A5 เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย ทั้งในระดับ 1 (T1) ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 7 ธันวาคม 2565 ก่อนจะถูกขยับมาสู่มาตรการระดับ 2 (T2) ระหว่างวันที่ 8-28 ธันวาคม 2565
ในขณะที่บริษัทเองได้ชี้แจงว่ายังคงไม่มีพัฒนาการใดๆ ที่มีนัยสำคัญที่ยังไม่ได้เปิดเผย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพการซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงไป
ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่ดูเหมือนจะยังเติบโตไม่ทันกับราคาหุ้น ทำให้ความผันผวนของราคาหุ้น A5 ในระยะหลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งระหว่างวันราคาวิ่งขึ้นไปแตะ 4.72 บาท ก่อนจะถูกเทขายจนราคาดิ่งลงมาปิดที่ 3.46 บาท
สถานการณ์ที่ราคาหุ้นวิ่งขึ้นอย่างรุนแรงสวนทางกับปัจจัยพื้นฐานเช่นนี้ ถือเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง