×

เท่าพิภพอัดรัฐบาลกระตุ้นท่องเที่ยวแบบ ‘ไร้ยุทธ์ศาสตร์’ ชี้ก้าวไกลเป็นรัฐบาล ใช้ ‘Creative Content Industry’ มาช่วยขยายท่องเที่ยว

โดย THE STANDARD TEAM
18.02.2022
  • LOADING...
เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร

วานนี้ (17 กุมภาพันธ์) ที่อาคารรัฐสภา เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 เกี่ยวกับการส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ล้มเหลวของรัฐบาล 

 

เท่าพิภพเริ่มต้นอภิปรายโดยกล่าวว่า ใน 2 ปีที่ผ่านมาการท่องเที่ยวในประเทศไทยถือว่าวินาศสันตะโรเพราะไวรัสโควิดและการปิดประเทศ แต่ถ้าจะมองให้ดีให้ชัด อาจไม่ใช่แค่ 2 ปี แต่เป็นตั้งแต่การทำรัฐประหารของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำให้การท่องเที่ยวในประเทศซบเซา ส่งผลให้ประชาชนตกงานกว่า 3 ล้านคน

 

เท่าพิภพเริ่มยกตัวอย่างประชาชนในเขตพื้นที่ของตนมีหลายต่อหลายอาชีพที่ได้รับผลกระทบ อย่างเช่นพนักงานโรงแรม รวมถึงคนขับเรือท่องเที่ยว ทำให้ต้องเป็นภาระคนในครอบครัว สถานการณ์มันช่างน่าสิ้นหวัง แม้ว่ารัฐบาลพยายามจะช่วยเหลือ แต่ก็ไม่เกิดผล เพราะรัฐบาลขาดการวางยุทธศาสตร์และแผนงานที่ชัดเจน ผู้ประกอบการหลายรายที่ตนรู้จัก หนึ่งในนั้นคืออดีตเจ้านายของตน ที่ใช้เงินก้อนสุดท้ายของชีวิตไปกับกิจการ เพราะได้ยินข่าวว่ารัฐบาลจะเปิดประเทศ แต่สุดท้ายก็กลับมาปิดประเทศอีกครั้ง ทำให้อดีตเจ้านายของตนนั้นไม่เหลืออะไร มีแต่คราบน้ำตาและเสียงร้องไห้

 

มาตรการการท่องเที่ยวที่ล้มเหลวทั้งกระดาน รัฐบาลออกโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวหลายต่อหลายโครงการ แต่ก็ไม่สามารถประสบผลสำเร็จ อย่างเช่นโครงการกำลังใจ ที่ออกมาให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ไปเที่ยว โครงการเราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงโครงการทัวร์เที่ยวไทย ซึ่งทั้ง 3 โครงการนี้พลาดเป้าทุกโครงการ

 

“อย่างโครงการทัวร์เที่ยวไทยที่ออกมาให้ประชาชนซื้อทัวร์ของคนไทยเที่ยวในประเทศไทย จำกัดสิทธิ 1 ล้านสิทธิ แต่คนออกมาใช้สิทธิราว 24,419 สิทธิ เบิกจ่ายจริงแค่ 61 ล้านบาท จากงบกว่า 5พันล้านบาท แบบนี้ไม่ให้เรียกว่าล้มเหลวแล้วจะให้เรียกว่าอะไร แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าตอนนี้คนไทยเปลี่ยนพฤติกรรมการท่องเที่ยวต้องขับรถเที่ยวกับครอบครัว ถ้ารู้อย่างนี้แล้วจะขอเงินมาออกเป็นโครงการนี้ทำไม” 

 

นอกจากนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังใช้งบประมาณมหาศาลในการจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเป็นการจ้างศิลปินชื่อดังมา แต่ผลการตอบรับนั้นถือว่าแย่กว่าการจัดแสดงลิเกที่วัดท่าพระเสียอีก

 

“ถ้ามีเงินร้อยล้านในการจัดอีเวนต์ ผมว่าเอาเงินไปจ้างคอนเทนต์ครีเอเตอร์ชื่อดังจากทั่วโลก แล้วตั้งแฮชแท็ก #Easythailand เข้าไทยง่ายเที่ยวไทยคล่อง ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ผมมั่นใจว่าจะกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ผลกว่าที่ทำในตอนนี้อย่างแน่นอน” 

 

มาตรการเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้ว ททท. ไม่เคยทำอะไรเลย ทั้งๆ ที่การท่องเที่ยวคือรายได้หลักของประเทศ หรืออาจเป็นเพราะการส่งเสริมการท่องเที่ยวยังเป็นแบบสมัยเก่า ตนคิดว่ามันไม่ใช่ที่จะมาคิดแคมเปญการท่องเที่ยวที่ดูหรูหรา ไปออกบูธต่างประเทศ หรือใช้สถานทูตไปจัดงาน Thai Fest สิ่งเหล่านี้มันคงไม่เพียงพออีกต่อไป

 

ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล เท่าพิภพกล่าวว่าอย่างแรกที่เราจะทำก็คือ การพยุงการจ้างงาน ถ้ากิจการยังมีอยู่ การจ้างงานยังมีอยู่ การท่องเที่ยวก็ยังจะคงอยู่ ถ้าผู้ประกอบการรายใดไปต่อไม่ไหวก็จัดสรรงานฝึกอาชีพใหม่ นอกจากนี้จะของดเว้นภาษีที่ดิน โดยรัฐบาลจะเป็นผู้อุดหนุนด้วย เพื่อให้ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็กได้ไปต่อ

 

“คำสั่งเสียสุดท้ายของผม อยากให้รัฐบาลเปิดประเทศสักที แล้วเอาเงินที่ไปส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบไร้ยุทธศาสตร์ กลับมาให้ระบบสาธารณสุขเพื่อรองรับผู้ป่วย ผมว่าเราต้องเลิกดัดจริตกันได้แล้วว่าคนต่างชาติจะเอาโควิดเข้ามาในประเทศ แต่ในขณะเดียวกันเราไม่มีโครงการที่จะทำให้คนในประเทศท่องเที่ยวได้ เพราะสุดท้ายผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวนั้นต้องการอย่างเดียวคือกลับไปเป็นปกติ” 

 

อีกหนึ่งสิ่งที่จะทำหากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล คือการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างมียุทธศาสตร์ โดยที่รัฐมนตรีการท่องเที่ยวต้องจับมือกับรัฐมนตรีวัฒนธรรม คือจะต้องทำงานร่วมกันในการส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เพื่อที่จะเป็นตัวผลักดันนโยบายส่งเสริมการเอาคอนเทนต์ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ Creative Content Industry จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในโลกยุคใหม่ได้อย่างแน่นอน

 

นอกจากนี้เรายังจะได้อำนาจการชักนำทางการตลาดจากอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์นี้อีกด้วย ซึ่งตรงนี้จะนำไปสู่การขายผลิตภัณฑ์ในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสุรา บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือแม้แต่ข้าวไทย และในที่นี้ก็คือการท่องเที่ยวไทย

 

สุดท้ายถ้าอภิปรายแล้วไม่ได้พูดเรื่องสุราก็คงจะไม่ใช่ตน ซึ่งตนคิดว่า “เราต้องเล่าเรื่องจากเรื่องเหล้า” ประเทศไทยมีวัฒนธรรมที่หลากหลายในการดื่มสุรา แต่ละภูมิภาคก็จะมีวัฒนธรรมการดื่มที่แตกต่างกันออกไป และร้านอาหารไทยนั้นมีอยู่ทั่วโลก ซึ่งร้านเหล่านี้จะเป็นแพลตฟอร์มให้กับสุราไทย เราจะยกระดับสุราพื้นบ้านของไทยให้ไปสู่สุราระดับโลก

 

“คนต่างชาติก็คงสงสัยมานาน ทำไมกินอาหารไทยต้องกินกับเบียร์ไม่กี่ยี่ห้อ ทำไมเราไม่กินอาหารเหนือกับเหล้าขาวสะเอียบจากจังหวัดแพร่ ทำไมเราไม่กินอาหารอีสานกับสาโทที่มาจากสุรินทร์ หากทำได้จะเปรียบเหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แถมยังเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และยังกระตุ้นแหล่งท่องเที่ยวตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาการกระจุกตัวของแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย”

 

เท่าพิภพกล่าวปิดท้ายว่า สิ่งที่ผิดพลาดที่แล้วมาของรัฐบาลได้อภิปรายไปหมดแล้ว แต่ข้อเสนอแนะที่กล่าวไปข้างต้นนั้น ขอฝากให้รัฐบาลได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยต่างๆ เพราะเขาจะตายกันหมดแล้วจริงๆ การเปิดประเทศเป็นการตัดสินใจที่ไม่ยากและเป็นการตัดสินใจที่จำเป็น

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising