วันนี้ (27 สิงหาคม) พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของ พอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและที่ทำกินให้กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงลุ่มน้ำแก่งกระจาน พร้อมด้วยสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน และกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงแก่งกระจาน เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด เกี่ยวกับการพิจารณาสำนวนคดีฆาตกรรมบิลลี่
สืบเนื่องจากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ทำความเห็นแย้งกรณีพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ช่วงปี 2551-2557 กับพวกรวม 4 คน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว
โดย วราภรณ์ อุทัยรังษี หนึ่งในทีมทนายความ ระบุว่า ตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรมได้ขอให้ทางอัยการสูงสุด พิจารณาประเด็นที่กลุ่มผู้ต้องหาได้ควบคุมตัวบิลลี่ ก่อนหายตัวไปจนกระทั่งพบศพว่า เป็นการควบคุมตัวโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
พร้อมขอให้อัยการสูงสุดสั่งให้พนักงานสอบสวน สอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นที่ผู้ต้องหามีความพยายามเบี่ยงประเด็นว่าพบบิลลี่ตามสถานที่ต่างๆ และปล่อยข่าวว่ากระดูกที่พบเกิดจากการลอยอังคาร ซึ่งไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น โดยถือว่าเป็นการแสดงเจตนาไม่บริสุทธิ์ รวมทั้งยังปรากฏการคุกคามพยานกลุ่มชาติพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้ามีหลักฐานชัดเจนจะยื่นขอให้ศาลถอนคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา
ขณะเดียวกัน มึนอให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยระบุว่าถึงแม้การเข้ายื่นเรื่องครั้งนี้จะเป็นครั้งแรก แต่ก็มีความหวังอยู่ลึกๆ ว่าจะมีความเป็นธรรมเกิดขึ้นกับครอบครัวบ้าง ส่วนสภาพความเป็นอยู่ขณะนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงต่อสู้เรียกร้องเรื่องที่ดินทำกิน เพราะชาวบ้านล้วนแต่ยังประสบความเดือดร้อนอยู่ อีกทั้งชาวบ้านยังคงมีความหวาดกลัว เพราะมีการปล่อยข่าวในทางข่มขู่ ให้เกิดความรู้สึกกลัวอยู่ตลอด
ทางด้าน วรวุฒิ วัฒนอุตถานนท์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ ที่เดินทางมารับหนังสือในครั้งนี้ เปิดเผยว่าหลังจากได้รับหนังสือแล้ว เรื่องของกระบวนการหลังจากนี้ สำนักงานคดีชี้ขาดจะเป็นผู้พิจารณาและนำเสนอความเห็นไปที่อัยการสูงสุด และทางอัยการสูงสุดจะเป็นผู้วินิจฉัย และออกคำสั่งชี้ขาด ว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องในคดีนี้ ขณะที่เรื่องของกรอบเวลานั้นยังไม่สามารถกำหนดได้
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากเกิดการสั่งไม่ฟ้องในคดีนี้ จะสามารถยื่นร้องขอความเป็นธรรมได้อีกครั้งหรือไม่
วรวุฒิ ระบุว่า “ถ้าสั่งไม่ฟ้องก็น่าจะจบแล้ว นอกจากมีพยานหลักฐานใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ก็ต้องมาดูกันอีกที เพราะคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ ถ้าสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องไปแล้ว นอกจากพยาน-หลักฐานใหม่ อาจมีการยกขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง เหมือนคดี บอส อยู่วิทยา”
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์