ในศตวรรษที่ 13 ยอดนักเดินทางลือนาม มาร์โค โปโล เดินทางมาถึงเมืองแห่งหนึ่งทางตะวันออก และตกหลุมรักเมืองแห่งนี้ตั้งแต่แรกพบ
“นครแห่งสะพานนับพัน งดงามดุจสวรรค์บนดิน”
เมืองแห่งนี้เขาเรียกว่า ‘คินไซ’ แต่ในความเป็นจริงแล้วชื่อของเมืองคือ ‘หางโจว’ 1 ใน 7 นครที่เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของจีน ร่วมกับอันหยาง, ซีอาน, ลั่วหยาง, ไคเฟิง, หนานจิง และปัจจุบันคือ ปักกิ่ง
หางโจวเป็นนครที่เจริญรุ่งเรืองมานานกว่า 2,100 ปี ในฐานะเมืองศูนย์กลางทางการค้าที่เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างดินแดนทางเหนือกับใต้ผ่านคลองต้ายุ่นเหอ
ที่นี่ไม่เพียงแต่จะมีบ้านเรือนที่สวยสดด้วยอาคารหลากสีสัน ดังที่เคยมีการบันทึกเรื่องราวไว้ผ่านบทกวีมากมาย หางโจวยังมีธรรมชาติที่แสนงดงามอีกด้วย
ในธรรมชาตินั้นก็ไม่มีสิ่งใดจะงดงามไปกว่าทะเลสาบซีหู ไข่มุกของเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาถึง 3 ด้าน และน้ำในทะเลสาบนั้นก็ใสสะอาด งดงามจนยากจะพรรณนา
งามขนาดไหนนั้น ก็ถึงขั้นมีบทกวีอันโด่งดังของจีนเปรียบเปรยความงดงามเอาไว้ให้เห็นภาพว่า “ซ่างโหย่วเทียนถัง เซี่ยโหย่วซูหัง” (上有天堂, 下有苏杭)
“บนฟ้ามีสรวงสวรรค์ บนปฐพีมีซูหัง”
ซูหังที่ว่านี้หมายถึงเมืองซูโจวและหางโจว เมืองคู่ที่แสนงดงามนั่นเอง
เช่นนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ มาร์โค โปโล ผู้รอนแรมมาจากแดนไกลทางตะวันตก ได้เห็นความงดงามเหล่านี้ อีกทั้งยังได้เห็นนครที่มีแม่น้ำลำคลองลัดเลาะไปได้ทั่วผ่านสะพานมากมาย จะให้คะแนนพิศวาสมากเป็นพิเศษก็ไม่แปลก เพราะบ้านเกิดของเขาคือ เวนิส นครที่มีสายน้ำเป็นเส้นเลือดของเมืองเช่นเดียวกัน
กระทั่งยอดกวีแห่งราชวงศ์ถัง ‘ไป๋จวีอี้’ ก็เคยแต่งบทกวีรำพันถึงความงดงามของทะเลสาบซีหู
“เว่ยเหนิงเพาเต๋อหางโจวชี่ อีป้านโกวหลิวสื้อฉื่อหู” (未能抛得杭州去,一半勾留是此湖)
“การจะตัดใจจากหางโจวไปไม่ได้ ก็เพราะหลงใหลในทะเลสาบซีหู”
ที่หางโจวยังมีเรื่องเล่าอีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือตำนานแม่นางไซซี 1 ใน 4 ยอดหญิงงามของจีน เจ้าของตำนาน ‘หญิงงามล่มเมือง’ ที่มีส่วนช่วยกู้ชาติ
ความงามของไซซีนั้นงามเสียจนได้รับสมญานามว่า ‘มัจฉาจมวารี’ อันหมายถึงผู้ที่มีความงามเสียจนฝูงปลายังต้องจมลงไปใต้น้ำ
ไม่เพียงแค่ความงาม ปัญญาก็เลิศล้ำ ครั้งหนึ่งเคยเอาชนะ ซุนวู แม่ทัพผู้ประพันธ์ตำราพิชัยยุทธ์ที่พยายามกดขี่สตรีมากมาย มิใช่การเอาชนะคะคานด้วยกำลัง แต่เป็นการเอาชนะด้วยปัญญาผ่านการโต้วาที ที่สอนให้ซุนวูตระหนักว่า ชายรบชนะกี่สมรภูมิ แต่ผู้ชนะที่แท้จริงคือหญิงสาวที่ทำให้ชายต้องยอมถวายชีวิตทำให้ทุกสิ่ง (และก็เป็นเช่นนั้นจริงทุกยุคสมัย)
ว่ากันว่าหลังมีส่วนในการกู้ชาติได้สำเร็จ ไซซีได้ใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตกับคนรักที่แท้จริงอย่าง ฟ่านหลี ที่ทะเลสาบซีหูแห่งนี้
ทะเลสาบซีหูยังเป็นที่มาของนิทาน ‘นางพญางูขาว’ ตำนานความรักที่แสนเศร้า ซึ่งถูกดัดแปลงมาเป็นละครหรือภาพยนตร์จีนมานับครั้งไม่ถ้วน
เรื่องเล่าของหางโจวยังใกล้ชิดกับคนไทยด้วย สำหรับคนที่ชอบกินปาท่องโก๋ในยามเช้า เพราะปาท่องโก๋ หรือ ‘อิ่วจาก้วย’ มีที่มาจากเมืองหางโจวนี้เอง กับตำนานความแค้นของชาวเมืองมีต่อ ฉินฮุ่ย ขุนนางทรราชกับภรรยา ที่ปรักปรำ งักฮุย ยอดขุนพลผู้ซื่อสัตย์จนตาย
ด้วยความที่ไม่รู้จะแก้แค้นอย่างไรให้สาสม จึงปั้นแป้งแบ่งเป็นสองชิ้น เป็นตัวแทนของฉินฮุ่ยและภรรยาผู้ชั่วร้าย ก่อนนำมาประกบกันแล้วนำไปทอดในน้ำมันแทนการสาปแช่ง
ทอดไปกินไป เกิดอร่อยขึ้นมา ก็กลายเป็นของกินยอดนิยมที่ถูกส่งต่อข้ามกาลเวลามาจนถึงปัจจุบัน (เช้านี้ก่อนเขียนงานก็ได้ปาท่องโก๋จุ่มนมข้นหวานไปหลายตัวอยู่)
เขียนเล่าทอดน่องมาขนาดนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าแค่จะบอกว่า ประเดี๋ยววันเสาร์นี้ (23 กันยายน) กีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว จะเริ่มขึ้นแล้ว
ชื่อรายการอย่างเป็นทางการอาจจะชวนสับสนบ้าง เพราะใช้ว่า ‘หางโจว 2022’ แต่แข่งในปี 2023 เพราะเดิมจะจัดในปีที่แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์โควิดภายในประเทศจีนทำให้ต้องเลื่อนมาแข่งขันในปีนี้แทน ในระหว่างวันที่ 23 กันยายน – 8 ตุลาคม
การแข่งขันครั้งนี้มีคำขวัญที่น่ารัก ‘ซินซินเซียงหรง’ (心心相融) หรือ ‘จากใจถึงใจ’ (Heart to Heart) ต่อท้ายด้วยคำว่า ‘@เว่ยไหล’ (@未来) หรือ ‘อนาคต’
มาสคอตประจำการแข่งขันที่เป็นตัวการ์ตูนน่ารัก 3 สี 3 ตัว อย่าง กงกง (琮琮), เหลียนเหลียน (莲莲) และ เฉินเฉิน (宸宸) ก็มีที่มาจากบทกวี ‘ความทรงจำแห่งเจียงหนาน’ ที่มาจากโบราณสถานในเมืองเหลียงจู่ ทะเลสาบซีหู และคลองต้ายุ่นเหอ
บทกวีนี้ผู้ประพันธ์คือ ไป่จวีอี้ ผู้หลงใหลในซีหูนั่นเอง
เอเชียนเกมส์ครั้งนี้จึงปะติดปะต่อเรื่องราวของเมืองที่ยิ่งใหญ่และความงดงามตั้งแต่อดีตผ่านมาถึงปัจจุบัน และอยากจะให้การแข่งขันกีฬาครั้งนี้เป็นเรื่องราวไว้บอกเล่าให้ลูกหลานฟังในอนาคตข้างหน้า
เพียงแต่ด้วยความบอบช้ำจากโควิด ทำให้บรรยากาศภายในประเทศจีนไม่ได้คึกคักกับมหกรรมกีฬาใหญ่ครั้งแรกของพวกเขาหลัง 3 ปีแห่งวิกฤติเท่าไรนัก คนจีนคิดถึงปากท้องมากกว่าในตอนนี้ และมองว่าเอเชียนเกมส์เป็นการจ่ายเงินที่เปล่าประโยชน์ ซึ่งควรจะนำไปใช้จ่ายกับการดูแลเยาวชนของชาติมากกว่า
แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาที่เหล่านักกีฬาลงสนามเมื่อไร เสียงเชียร์และบรรยากาศสนุกสนานก็จะกลับมาเมื่อนั้น
เช่นกันกับเหล่านักกีฬาไทยที่เดินทางไปถึงเมืองจีน และเตรียมพร้อมที่จะลงสนามแล้วกับเอเชียนเกมส์ ในเมืองที่งดงามดุจสรวงสวรรค์ของ มาร์โค โปโล
มาส่งใจไปด้วยกันครับ 🙂
อ้างอิง:
- www.hangzhou2022.cn/En/agculture/agaesthetics/202203/t20220331_46594.shtml
- www.scmp.com/sport/football/article/3235181/asian-games-2023-dai-wai-tsun-honoured-score-first-goal-china-fans-rave-about-midfielder-after-india?campaign=3235181&module=perpetual_scroll_2_AI&pgtype=article
- www.chinatalks.co/chinatalkstravel/suhang/
- https://cccbkk.org/circe-beautiful-woman/
- www.reuters.com/sports/glum-mood-overhangs-chinas-asian-games-people-just-dont-care-2023-09-21/