แถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ว่าด้วยการประกาศมาตรการภาษีฝ่ายเดียวของสหรัฐอเมริกา โดยที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน สมัยพิเศษ วันที่ 10 เมษายน 2025 ผ่านระบบการประชุมทางไกล ดังนี้
- พวกเรา รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ขอยืนยันความร่วมมืออันแน่นแฟ้นและยั่งยืนระหว่างอาเซียนกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน (Comprehensive Strategic Partner: CSP) ที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นมากว่า 40 ปี โดยสหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมโครงสร้างภูมิภาคที่ขับเคลื่อนโดยอาเซียน เพื่อสนับสนุนสันติภาพ เสถียรภาพ การเติบโตทางเศรษฐกิจ การลงทุน และการค้าในภูมิภาค ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งอาเซียนและสหรัฐฯ ทั้งนี้ ในปี 2024 อาเซียนเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับที่ 5 ของสหรัฐฯ
- อาเซียนในฐานะที่เป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 5 ของโลก มีความกังวลอย่างยิ่งต่อการประกาศใช้มาตรการภาษีฝ่ายเดียวของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 และการระงับการบังคับใช้บางส่วนล่าสุดเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2025 ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนและอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงพลวัตของการค้าโลก
การเก็บภาษีโดยไม่ผ่านกระบวนการหารือร่วมกันจะส่งผลกระทบต่อการค้า การลงทุน และห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคและทั่วโลก ซึ่งจะกระทบทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภค รวมถึงในสหรัฐฯ เองด้วย
นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อเสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนหลายล้านในภูมิภาค และขัดขวางความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศอาเซียน โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา
ทั้งนี้ ในปี 2024 สหรัฐฯ เป็นแหล่งลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) รายใหญ่ที่สุดของอาเซียน และเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของภูมิภาค
- ในสถานการณ์นี้ อาเซียนมีเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะเปิดการเจรจาอย่างจริงใจและสร้างสรรค์กับสหรัฐฯ เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นทางการค้า โดยเชื่อว่าการสื่อสารอย่างเปิดเผยและความร่วมมือระหว่างกัน จะมีบทบาทสำคัญต่อความสัมพันธ์ที่สมดุลและยั่งยืน ทั้งนี้ อาเซียนจะไม่ดำเนินมาตรการตอบโต้ใด ๆ ต่อภาษีของสหรัฐฯ
- อาเซียนยังคงเห็นว่าสหรัฐฯ เป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญและมีคุณค่าของภูมิภาค และยืนยันความมุ่งมั่นในการรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของอาเซียน รวมถึงความสัมพันธ์ทางการค้าที่เข้มแข็งและเป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยพร้อมทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าและการลงทุนอาเซียน-สหรัฐฯ (TIFA) และแผนงานความร่วมมือเศรษฐกิจขยายผล (E3 Workplan) เพื่อแสวงหาทางออกร่วมกันในประเด็นที่มีผลกระทบต่อทั้งสองฝ่าย เช่น การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน การส่งเสริมหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ และการเสริมสร้างความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม
- อาเซียนเชื่อมั่นว่าการเสริมสร้างกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและมุ่งสู่อนาคตระหว่างอาเซียน-สหรัฐฯ จะมีส่วนช่วยยกระดับความมั่งคั่งของประชาชนในภูมิภาคและเศรษฐกิจโลกโดยรวม โดยกรอบความร่วมมือดังกล่าวควรส่งเสริมการมีส่วนร่วมเชิงสร้างสรรค์ การพัฒนาโซ่อุปทานในภูมิภาค และการขับเคลื่อนนวัตกรรมในภาคเศรษฐกิจสำคัญ เช่น บริการดิจิทัล อุตสาหกรรมฐานความรู้ อาหาร เกษตรและป่าไม้ เทคโนโลยีสีเขียว พลังงานหมุนเวียน อุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องนุ่งห่ม ผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยว อุปกรณ์การแพทย์ เทคโนโลยีชีวภาพ และผลิตภัณฑ์คมนาคม
- อาเซียนยืนยันการสนับสนุนระบบการค้าที่อิงกฎเกณฑ์ มีความโปร่งใส เป็นธรรม ครอบคลุม ยั่งยืน และเปิดกว้าง โดยมีองค์การการค้าโลก (WTO) เป็นศูนย์กลาง และรับทราบบทบาทสำคัญของ WTO ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก อาเซียนสนับสนุนคำแถลงของ ดร.เอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวอาลา ผู้อำนวยการใหญ่ของ WTO ที่แสดงความกังวลว่ามาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อการค้าและแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDCs) และเรียกร้องให้ใช้เวที WTO เป็นพื้นที่หารือ หลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางการค้า และแสวงหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน
- อาเซียนจะยังคงเดินหน้าส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการรักษาสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคให้มีความโปร่งใส คาดการณ์ได้ ไม่เลือกปฏิบัติ เป็นธรรม ครอบคลุม และเปิดกว้าง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการค้าและการพัฒนาในภูมิภาค ทั้งนี้ อาเซียนจะเดินหน้าตามพันธกรณีในความตกลงอาเซียน อาทิ การปรับปรุงความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน (ATIGA) และการเจรจาความตกลงว่าด้วยเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (DEFA) รวมถึงการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับคู่เจรจาของอาเซียน และพันธมิตรรายใหม่
- ในบริบทนี้ อาเซียนจะหารือร่วมกันในกลุ่มต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมและเพิ่มพูนการค้าและการลงทุนภายในภูมิภาค ส่งสัญญาณถึงความมุ่งมั่นของอาเซียนในการขับเคลื่อนการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และในการเผชิญหน้ากับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ อาเซียนจะยึดมั่นในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พร้อมร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาระเบียบการค้าที่อิงกฎเกณฑ์ของอาเซียน ซึ่งจะช่วยให้ภูมิภาคสามารถรับมือกับวิกฤตการค้าโลก ลดผลกระทบต่อประชาชน และเดินหน้าเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป.
อ้างอิง:
- ASEAN