“พวกเขาคงเตรียมหัวข้อข่าวไว้แล้ว ว่าผมจะต้องฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน แต่ผมไม่คิดจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว”
เสียงเล่าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของ เลียม กัลลาเกอร์ อดีตนักร้องนำสุดห้าวเป้งแห่งวง Oasis นั้นเต็มไปด้วยตัวตน ขณะเดียวกันมันก็ช่วยฉายภาพในวันที่ก้าวย่างของชีวิตและเส้นทางดนตรีกำลังอยู่ตรงจุดที่เป็นด้านมืดของอุโมงค์ และนั่นคือส่วนหนึ่งในฟุตเทจแห่งชีวิตของเขาที่จะปรากฏอยู่ใน Liam Gallagher: As It Was
หนังเข้าฉายในไทยแล้วตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม และคงไม่ต้องย้ำสำหรับแฟนเพลง Oasis ว่ามันคือสารคดีที่บันทึกแง่มุมชีวิตที่ทั้งสุขและล้มลุกคลุกคลานตลอดทศวรรษที่ผ่านมาของ เลียม กัลลาเกอร์ มันรวบรวมไว้ด้วยเรื่องราวหลังวงแตก ตามมาด้วยอีกหลากหลายปัญหาที่เลียมต้องเผชิญ ทั้งการหย่าร้าง ภาวะติดแอลกอฮอล์ งานเพลงที่ไม่ประสบความสำเร็จ รวมไปถึงแง่มุมความรักครั้งใหม่ของเขากับผู้จัดการส่วนตัวและภรรยาคนล่าสุด
ผู้ชมจะได้เห็นภาพการกลับไปเยี่ยม เพ็กกี้ กัลลาเกอร์ คุณแม่ที่เขารักและเทิดทูน ณ บ้านพักในเมืองแมนเชสเตอร์
และแน่นอนว่ามันรวมไปถึงเรื่องจี๊ดที่สุดทั้งสำหรับแฟนเพลงและคนทั้งโลกที่รู้จักวง Oasis …นั่นคือความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพี่ชาย ‘โนล กัลลาเกอร์’ ที่ความรักในฐานะพี่น้องร่วมสายเลือดนั้นกลายเป็นดั่งยาขม นับตั้งแต่ Oasis วงแตกไปเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2009
และถ้าคุณเชื่อเสมอว่าชีวิตมนุษย์นั้นมีขึ้นและมีลงเหมือนจังหวะชีพจร มีช่วงที่ดวงอาทิตย์ขึ้นอย่างเจิดจ้า และช่วงอาทิตย์ตกต่ำค่ำมืด
ช่วงเวลา 85 นาทีของการดูภาพยนตร์สารคดี As It Was นั้นก็เหมือนได้ดูสัจธรรมแห่งความจริงผ่านช่วงชีวิตของอดีตฟรอนต์แมนแห่งวง Oasis อดีตฟรอนต์แมนแห่ง Beady Eye ที่ปัจจุบันเติบโตและกลับมาสู่จุดยืนในวงการดนตรีอันยอดเยี่ยมอีกครั้ง
Charlie Lightening นั้นเป็นผู้กำกับ นักบันทึกภาพ และนักปะติดปะต่อแง่มุมตัวละครหลักของ As It Was
เขาเริ่มติดตามชีวิตของเลียมหลังจาก Oasis วงแตกในปี 2009 โดยเลียมติดต่อให้เขาไปช่วยถ่ายภาพเบื้องหลังในช่วงที่เขายังทำวง Beady Eye ช่วงนี้เองที่เขาเก็บภาพและฟุตเทจของหนึ่งในร็อกสตาร์ซึ่งโด่งดังมากที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค 90 โดยไม่ได้คิดเลยว่าวันหนึ่งมันจะถูกนำมารวบรวมและถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสารคดีซึ่งถ่ายทอดแง่มุมชีวิตของเลียม กัลลาเกอร์ ในเวลาต่อมา
สำหรับเรา As It Was นั้นมาในช่วงเวลาอันถูกที่ ถูกจังหวะ เพราะข้อแรก อย่างที่บอกว่ามันเข้าฉายในขวบปีที่ Oasis วงแตกครบ 10 ปี และแฟนเพลงทั้งโลกก็กำลังเฝ้ารอที่จะได้เห็นการกลับมารียูเนียนของวงอีกครั้ง (แม้ว่าฝันนี้ดูจะยังไกลเกินฝัน เพราะง้อเท่าไร ชวนอย่างไร โนล กัลลาเกอร์ ก็ยังไม่เล่นด้วย)
ข้อสองคือ จังหวะชีวิตและตัวตนของเลียมในนี้นั้นกลับมายืนตรงจุดที่ดีได้อย่างกลมกล่อม เหมือนไวน์ที่ถูกบ่มอยู่ในห้องใต้หลังคาอันมืดมิดจนได้ที่ เขาเติบโตขึ้น สุขุมขึ้น ห้าวเป้งน้อยลง แล้วหลงเหลือไว้แต่เพียงภาพพจน์น้องชายตัวแสบที่พยายามง้อคืนดีกับพี่ชาย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวันครบรอบ 10 ปีการวงแตกของ Oasis เลียม กัลลาเกอร์ ก็เพิ่งปล่อยมิวสิกวิดีโอเพลง One of Us ที่เหมือนเป็นบทบันทึกวัยเด็กของเขาและคนในครอบครัว หนังเต็มไปด้วยเมสเสจแห่งความทรงจำและคำสัญญาของพี่น้อง 3 คน ชนิดที่ใครดูก็รู้ว่าเขาอยากกลับมาญาติดีกับไอ้พี่เกลอ ซึ่งเคยร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่สร้างประวัติศาสตร์ทางดนตรีร่วมกันแบบใจแทบขาด
ขณะที่แฟนเพลงเมื่อได้ดูเราก็เชื่อว่าคงจะยิ้มเอ็นดูและเอาใจช่วยเขาให้ได้กลับมากอดคอคืนดีกับพี่ชายใจแทบขาดด้วยเหมือนกัน
สุดท้ายนี้ ถ้าภาพยนตร์สารคดี Supersonic ที่เคยออกมาก่อนหน้านี้นั้นเป็นบทบันทึกเรื่องแห่งความบ้าพลังของ Oasis โดยเฉพาะฟุตเทจเปรี้ยวๆ ของสองพี่น้องฟรอนต์แมนของวงในวันที่รุ่งสุดๆ
การมาถึงของ As It Was ก็เป็นดั่งหนังภาคต่ออันเต็มไปด้วยซีนชีวิตที่ทั้งดราม่า โรแมนติก ซาบซึ้ง ของตัวละครเดียวกันในวันที่ต้องเจอกับช่วงเวลาล้มลุกคลุกคลานและต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง และถ้าคุณเชื่อว่า ‘ชีวิตนั้นล้มแล้วก็สามารถจะเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ’ หนังสารคดีเรื่องนี้ก็เหมือนจะยิ่งช่วยยืนยันว่า ‘ฟ้าหลังฝนก็มักจะจบลงสวยงามเสมอ’ ด้วยเช่นกัน
Liam Gallagher: As It Was เลียม กัลลาเกอร์ ตัวตนไม่เคยเปลี่ยน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า