ความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีกับพระ ในคดีทุริตเงินทอนวัดที่ต้องจับตาเวลานี้ คือกรณีการติดตามจับกุมตัว ‘อดีตพระพรหมเมธี’ หรือ พระจำนงค์ เอี่ยมอินทรา อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในพระชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกออกหมายจับ และได้หลบหนีการจับกุมของตำรวจออกนอกประเทศ
โดยอดีตพระพรหมเมธีได้ไหวตัวหลบหนีตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า เส้นทางการหลบหนีเริ่มตั้งแต่กรุงเทพมหานคร-พิษณุโลก-นครพนม-สปป.ลาว-กัมพูชา-เวียดนาม (สนามบินนครโฮจิมินห์)-กาตาร์ (สนามบินโดฮา)-ท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ต สหพันธรัฐเยอรมนี ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่ทางการไทยกำลังเร่งติดตามตัวกลับมาดำเนินคดี
ล่าสุดมีรายงานว่า ทางการประเทศเยอรมนีได้ควบคุมตัวอดีตพระพรหมเมธีได้ที่สนามบินนครแฟรงก์เฟิร์ตตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ชุดสืบสวนสอบสวนนำโดย พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางไปยังจังหวัดภูเก็ต และขึ้นเครื่องด้วยเที่ยวบิน TG926 ออกจากสนามบินนานาชาติภูเก็ต และบินตรงไปยังสนามบินนครแฟรงก์เฟิร์ตช่วงสายของเมื่อวานนี้ โดย พล.ต.อ. จักรทิพย์ ได้เดินทางถึงสนามบินนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนีแล้วเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา
สำหรับการควบคุมตัวอดีตพระพรหมเมธี มีข้อมูลยืนยันว่า ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกักตัวไว้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองภายในบริเวณสนามบิน หลังจากที่ทางการไทยยกเลิกพาสปอร์ตปกน้ำเงิน และทางการของประเทศเยอรมนีก็มีการเพิกถอนวีซ่า ภายหลังทางการไทยร้องขอ เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ และเตรียมเข้าสู่กระบวนการเตรียมดำเนินการส่งตัวกลับประเทศ
ด้าน พล.ต.อ. จักรทิพย์ และคณะ ได้เตรียมการประสานงานเพื่อนำตัวผู้ต้องหากลับมาดำเนินคดีในประเทศ ซึ่งมีรายงานว่ามีกำหนดเดินทางกลับมายังประเทศไทยเวลา 06.25 น. ของวันที่ 6 มิถุนายน ด้วย TG921 สายการบินไทย ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศไทย
ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (กอสส.) กล่าวถึงกรณีการจับกุมอดีตพระพรหมเมธี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ผู้ต้องหาคดีร่วมกันทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมที่ประเทศเยอรมนีว่า การที่ตำรวจไปรับตัวอดีตพระพรหมเมธีที่เยอรมนีนั้นเป็นขั้นตอนของฝ่ายบริหาร คือตำรวจได้ติดต่อกันระหว่างไทยกับเยอรมนี และน่าจะเป็นกรณีทางเยอรมนีปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ หรือไม่มีวีซ่า จึงบังคับให้เดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติที่ตำรวจสามารถทำได้เอง ไม่เกี่ยวกับสำนักงานอัยการสูงสุด เพราะหากเกี่ยวกับอัยการคือชั้นขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่ตำรวจต้องสอบสวนและมีความเห็นควรฟ้อง ประกอบกับศาลมีหมายจับ ทางอัยการจึงจะประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศที่เป็นภาคีได้
ขณะที่มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า พล.ต.ต. สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม กำลังอยู่ระหว่างการประชุมหารือในการออกหมายจับผู้ที่มีส่วนรู้เห็นและช่วยให้การหลบหนีของอดีตพระพรหมเมธี โดยเป็นคนไทย 3 คน และคนลาวอีก 2 คน ในข้อหากระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 189 แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการประชุมหารือ
อ้างอิง:
