×

‘อาคม’ เผย 5 แนวทางฟื้นเศรษฐกิจไทยจากโควิด พร้อมชู 4 นโยบายเติบโตอย่างยั่งยืนหลังการระบาด

21.10.2021
  • LOADING...
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานประชุม The Committee on Macroeconomic Policy, Poverty Reduction and Financing for Development จัดโดยคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) ว่า เพื่อวางรากฐานการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศไทยในอนาคตที่ไวรัสโควิดจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) และผู้คนต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกันในรูปแบบวิถีใหม่ (New Normal) รัฐบาลไทยได้มุ่งเน้น 5 แนวทางหลักเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทย ดังนี้

 

แนวทางแรก นโยบายทางการเงินเพื่อเยียวยาและสนับสนุนผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด เพื่อให้สามารถฟื้นตัวอย่างมั่นคง อาทิ มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ

 

แนวทางที่สอง การบริหารเศรษฐกิจระดับมหภาค โดยรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการคลัง การบริหารระดับหนี้สาธารณะ ตลอดจนถึงการปรับปรุงระบบการเก็บภาษี และการดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

 

แนวทางที่สาม การลดความยากจนและความเหลื่อมล้ำ โดยการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่คำนึงถึงการปรับปรุงระบบสวัสดิการ คุณภาพชีวิตของผู้คน และการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค

 

แนวทางที่สี่ การสร้างโครงข่ายความปลอดภัยทางสังคมที่มั่นคง โดยประชาชนทุกคนจะต้องได้รับการคุ้มครองดูแลจากภาครัฐอย่างทั่วถึง ทั้งแบบสมัครใจและมีส่วนร่วม อาทิ กองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญราชการ และกองทุนการออมแห่งชาติ

 

แนวทางที่ห้า รัฐบาลได้วางแผนที่จะเปิดประเทศแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ประเทศไทยจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยทางอากาศได้โดยไม่ต้องกักตัว โดยต้องมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดที่เป็นลบ โดยต้องทำการตรวจเชื้อก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทาง และจะได้รับการตรวจอีกครั้งเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย

 

สำหรับแนวโน้มในช่วงนี้ ทางรัฐบาลคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ ประเทศไทยจะสามารถเห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นบวกได้ โดยภาคการส่งออกสินค้าจะเป็นกุญแจขับเคลื่อนที่สำคัญ สำหรับในปี 2565 เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัวและกลับมาขยายตัวได้แข็งแกร่งกว่าเดิม โดยขยายตัวในช่วง 4-5% และได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดที่คลี่คลายลง

 

สำหรับนโยบายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด รัฐบาลจะมุ่งเน้นไปที่ 4 แนวทาง ดังนี้

 

แนวทางแรก การส่งเสริม Bio-Circular-Green Economy Model หรือ BCG Model ซึ่งรูปแบบทางเศรษฐกิจดังกล่าวนี้จะให้ความสำคัญในการใช้ทรัพยากรชีวภาพเพื่อสร้างสินค้าที่มีมูลค่าสูง คำนึงถึงการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรแก่สิ่งแวดล้อม ซึ่งทางรัฐบาลได้มีการดำเนินมาตรการไปบ้างแล้ว อาทิ การออกพันธบัตรเพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสังคม และเพื่อความยั่งยืน การส่งเสริมการลงทุนในยานยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2573 และในต้นปีนี้ ทางรัฐบาลได้ประสบความสำเร็จในการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อความยั่งยืน และได้รับการจดทะเบียนใน Luxembourg Green Exchange (LGX) ของตลาดหลักทรัพย์ลักเซมเบิร์ก 

 

แนวทางที่สอง การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ โดยการเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ พร้อมทั้งมุ่งเน้นการลงทุนใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร การลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) เพื่อเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวใหม่ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและพัฒนาผลิตภาพทางการผลิตของประเทศ

 

แนวทางที่สาม การปรับเข้าสู่ความเป็นดิจิทัล (Digitalization) เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ทั้งภาคส่วนเอกชนและรัฐบาลต้องให้ความสำคัญในการนำเทคโนโลยีทางดิจิทัลมาปรับใช้ โดยทางรัฐบาลได้อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนด้วยบริการยื่นแบบและชำระภาษีออนไลน์ และการทำธุรกรรมออนไลน์กับรัฐวิสาหกิจ เพื่อลดต้นทุนต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมเงินสด

 

แนวทางที่สี่ รัฐบาลจะยังคงเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในระบบขนส่งมวลชนและพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด รวมถึงสนับสนุนผู้ผลิตพลังงานรายย่อยและส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากนี้ นวัตกรรมการจัดหาเงินทุนก็เป็นสิ่งจำเป็น โดยอาจเริ่มจากการสนับสนุนให้เกิดการระดมทุนในโครงการหรือกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising