รัฐบาลยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC) อย่างเต็มที่ พร้อมกับตั้งความหวังว่า EEC จะเป็นความหวังใหม่ของเศรษฐกิจไทยที่จะทำให้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ช่วง 4 ปีข้างหน้า ขยายตัวได้ในระดับ 5-10%
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ EEC: NEW Chapter NEW Economy ซึ่งจัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ว่าในอดีตเมื่อมีการลงทุนในอีสเทิร์นซีบอร์ด GDP ของไทยมีการเติบโตแบบเป็นเลขสองหลัก (Double Digit) แต่วันนี้ด้วยเศรษฐกิจเรามีขนาดใหญ่ขึ้น แม้การลงทุนใน EEC จะช่วยขับเคลื่อนได้ แต่ก็อาจจะยากที่ทำได้ในระดับนั้น
อย่างไรก็ตาม การเติบโตในระดับ 5-10% ถือว่ามีความเป็นไปได้ ถ้าอุตสาหกรรมย้ายเข้ามาลงทุนก็จะเป็นแรงส่ง ซึ่งเราคาดหวังว่า EEC จะเป็นเครื่องยนต์ใหม่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
รมว.คลังกล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากปัจจุบัน 50% ของ GDP อยู่ที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ขณะที่อีก 10- 20% ของ GDP อยู่ใน 3 จังหวัด EEC (ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา) รัฐบาลจึงต้องการกระจายการเติบโตออกไป และตั้งเป้าทำให้ EEC เป็นเมืองที่อยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน (Self-Sustained)
อาคมยังเน้นย้ำว่า EEC เป็นเทรนด์การลงทุนในอนาคต โดยชี้ให้เห็นตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในไตรมาสล่าสุด ซึ่งอยู่ที่ 2.88 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นจำนวนที่ไม่น้อย โดยเป็นการลงทุนแบบการนำเทคโนโลยีมาใช้ และเป็นการลงทุนจากค่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) หน้าใหม่
นอกจากนี้ อาคมยังชี้ให้เห็นถึงพัฒนาการและความแตกต่างระหว่างโครงการ EEC กับโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกช่วงแรก นั่นก็คือ EEC ได้ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง (High Tech Industries) รวมถึงการวิจัยและพัฒนา (R&D)
อาคมยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้เงินลงทุนใน EEC อยู่ที่ 1.8 ล้านล้านบาท โดยจำนวนนี้เป็นเงินลงทุนของรัฐเป็นส่วนน้อย เนื่องจากได้เปิดให้เอกชนเข้าไปลงทุนในลักษณะของการร่วมลงทุนของภาครัฐและเอกชน (PPP) โดยที่ภาครัฐจะเป็นผู้สนับสนุนการก่อสร้างในโครงการ ได้แก่ ท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3, ท่าเรือมาบตาพุด, สนามบินอู่ตะเภา, รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา)
นอกจากนี้ อาคมยังคาดการณ์ว่าในช่วง 4 ปีข้างหน้า การลงทุนใน EEC จะเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า (จากปัจจุบันที่ 1.8 ล้านล้านบาท) ปัจจุบันเรายังไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนใน EEC ได้ เนื่องจากยังเป็นช่วงแรกและเป็นช่วงของการก่อสร้าง แต่เราจะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ภายใน 4 ปีข้างหน้า พร้อมทั้ง เน้นย้ำว่า การสร้างเศรษฐกิจใหม่นี้ต้องมีความครบถ้วน รวมถึงการมีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย โดยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP