×

จิงจิง-วริศรา ยู การค้นพบตัวตนบนเส้นทางใหม่ กับการแสดงเรื่องแรกในหนัง APPWAR

11.07.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 Mins. Read
  • “หนูเป็นนางแบบมา 6 ปี ได้ทำงานในต่างประเทศแล้ว เลยอยากลองทำอะไรใหม่ๆ บ้าง เมื่อโอกาสมาแล้วทำไมจะไม่ลองทำในสิ่งที่เราอยากทำ เราอาจจะเคยผ่านงานมิวสิกวิดีโอ ผ่านงานหนังสั้น แต่ส่วนตัวคิดว่ามันยังไม่ได้ใช้ความสามารถของเราอย่างเต็มที่เท่าหนังเรื่องนี้”
  • “จูนดูเป็นผู้หญิงเก่ง ดูมั่นใจมาก แต่ใครจะรู้ว่าความจริงเขาร้องไห้บ่อยมาก เขาเป็นคนอ่อนแอมาก และเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเลย นั่นคือตัวจูนและคือตัวหนูเองด้วยเหมือนกัน”

เมษายนที่ผ่านมา จิงจิง-วริศรา ยู เพิ่งผ่านขวบปีที่ 21 ของตัวเองไปหมาดๆ และถ้ามองให้ลึกมากไปกว่าเลขวัยที่เปลี่ยนผ่าน หน้าฝนปีที่ 21 ยังเป็นขวบปีที่ท้าทายและเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับชีวิตของเธอ นับตั้งแต่ประสบความสำเร็จบนเส้นทางแฟชั่นอย่างรวดเร็ว หลังคว้าตำแหน่ง Thai Supermodel 2012

 

1 สิงหาคมนี้ จิงจิงกำลังจะมีผลงานภาพยนตร์ไทยครั้งแรกในชีวิตกับ APPWAR แอปชนแอป บทบาทการแสดงที่ทีมงานเคยบอกไว้ว่า “ต้องเป็นเธอเท่านั้น”

 

ในช่วงแรกจิงจิงสารภาพว่ายังไม่เข้าใจ ยังไม่ค้นพบว่าทำไม ‘จูน’ มาร์เก็ตติ้งและหัวหน้าทีม AMJOIN ถึงต้องเป็นเธอ แต่เมื่อยิ่งอ่านบท ยิ่งแสดง ยิ่งเข้าฉาก เธอก็ค่อยๆ ค้นพบว่าคาแรกเตอร์ที่ภายนอกดูเป็นผู้หญิงเก่ง ดูมั่นใจมาก แต่ความจริงกลับเป็นคนอ่อนแอ ร้องไห้บ่อย และไม่มั่นใจในตัวเอง ซึ่งนั่นคือตัวตนที่แท้ของจิงจิงด้วยเหมือนกัน

 

จูนเขามีปมในใจ เพียงแต่ถ้าดูจากภายนอก จูนดูเป็นผู้หญิงเก่ง ดูมั่นใจมาก แต่ใครจะรู้ว่าความจริงเขาร้องไห้บ่อยมาก เขาเป็นคนอ่อนแอมาก และเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเลย นั่นคือตัวจูน และคือตัวหนูเองด้วยเหมือนกัน   

จูน มาร์เก็ตติ้งทีม AMJOIN ตัวละครแรก และ APPWAR ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกของจิงจิง  

หนังเรื่องนี้เป็นโรแมนติกคอเมดี้ แต่มันมีดราม่าด้วยนะ ตัวละครทั้ง 7 คนมีปมหมดเลย ปมของจูนคืออยากทำตามความฝัน แต่โดนคุณพ่อกดดัน คือที่ผ่านมาจูนแข่งขันมา 12 ครั้ง แต่ไม่เคยชนะเลย ครั้งนี้คุณพ่อเลยบอกว่าถ้าไม่ชนะก็จะไม่สนับสนุนแล้ว และต้องยอมกลับไปทำงานกับที่บ้าน ในเรื่องเราก็เลยเป็นคนที่มุ่งมั่นมาก แต่ในระหว่างที่กำลังทำแอปพลิเคชันร่วมกับเพื่อนสนิทอีก 2 คน มันมีอุปสรรคอย่างหนึ่งที่สุดท้ายแล้วจูนจะต้องเลือกระหว่าง ‘ความฝัน’ กับ ‘ความรัก’

 

จากนางแบบสู่นักแสดงครั้งแรกบนจอภาพยนตร์

หนูเป็นนางแบบมา 6 ปีแล้ว เลยคิดว่าน่าจะลองทำอย่างอื่นบ้าง แล้วพอได้ลองมาอ่านบทดู เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่หนังวัยรุ่นทั่วไป อีกอย่างเพราะเขาสนใจเรา พี่ๆ ทีมงานบอกเลยว่านางเอกต้องเป็นหนู บทนี้มันคือหนู พอได้ยินคำยืนยันขนาดนั้นเราก็เลยไปแคสต์ พี่เสือ-ยรรยง คุรุอังกูร ผู้กำกับก็ชอบ เขาอยากให้เรามาเล่น ทั้งที่ความจริงแอ็กติ้งหนูไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่ทำไมเขาถึงเชื่อในตัวหนูขนาดนี้ โอเค เล่นก็เล่นค่ะ! (หัวเราะ)   

 

เขาเลือกเรา แต่ทำไมเราถึงต้องเลือกเขา ทั้งที่เส้นทางนางแบบก็กำลังไปได้ดี  

ก่อนหน้านี้อีกงานที่ชอบมากคือเล่นมิวสิกวิดีโอ แล้วมิวสิควิดีโอมันคือการใช้แอ็กติ้งเหมือนกัน อีกอย่างหนูเป็นคนขี้เบื่อด้วย เป็นนางแบบมา 6 ปี ได้ทำงานในต่างประเทศแล้ว เลยอยากลองทำอะไรใหม่ๆ บ้าง เมื่อโอกาสมาแล้วทำไมจะไม่ลองทำในสิ่งที่เราอยากทำ เราอาจจะเคยผ่านงานมิวสิกวิดีโอ ผ่านงานหนังสั้น แต่ส่วนตัวคิดว่ามันยังไม่ได้ใช้ความสามารถของเราอย่างเต็มที่เท่าหนังเรื่องนี้

ความมั่นใจหนูมีนะ แต่หนูมีแค่บางครั้ง และในเรื่องที่หนูมั่นใจอย่างการทำงานแฟชั่น หนูมั่นใจว่าตัวเองทำได้ แต่กับบางเรื่องหนูรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ดีพอ …และบางทีหนูก็ไม่ชอบตัวเอง

ความท้าทายใหม่กับบทที่ถูกการันตีมาว่าต้องเป็นจิงจิงเท่านั้น!  

ตอนอ่านบทครั้งแรก หนูไม่รู้ว่าคนนี้มันต้องเป็นหนูยังไง (หมายถึงคาแรกเตอร์จูนใน APPWAR) แต่พอได้เล่นไปสักพัก เออ…จูนก็คือเราเลยนี่ เพราะจูนเขามีปมในใจ เพียงแต่ถ้าดูจากภายนอก จูนดูเป็นผู้หญิงเก่ง ดูมั่นใจมาก แต่ใครจะรู้ว่าความจริงเขาร้องไห้บ่อยมาก เป็นเขาเป็นคนอ่อนแอมาก และเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเลย นั่นคือตัวจูน และคือตัวหนูเองด้วยเหมือนกัน   

 

จิงจิง ผู้หญิงที่ไม่มั่นใจในตัวเอง

ทุกคนจะคิดว่าหนูต้องเป็นคนเก่งแน่เลย แต่เพื่อนที่สนิทจะรู้เลยว่าเราเป็นคนไม่มีความมั่นใจในตัวเอง แล้วยิ่งเวลาไปเกาหลีมันยิ่งต้องพรีเซนต์ความมั่นใจ

 

ความมั่นใจหนูมีนะ แต่มีแค่บางครั้ง และในเรื่องที่หนูมั่นใจอย่างการทำงานแฟชั่น หนูมั่นใจว่าตัวเองทำได้ แต่บางเรื่องกลับรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ดีพอ และบางทีก็ไม่ชอบตัวเอง ไม่มั่นใจในตัวเอง อีกอย่างหนูจะเป็นคนที่แคร์เสียงพูดคนอื่นมากกว่าความรู้สึกตัวเอง มันเลยยิ่งทำให้เรากลายเป็นคนขี้กังวล คิดเยอะ ไม่กล้าจะทำอะไรสักเท่าไร

 

บางทีเวลามีความรู้สึกว่าไม่ชอบตัวเอง หนูต้องยกมือไหว้ตัวเองแล้วย้อนกลับไปคิดว่า เฮ้ย ทำไมเราถึงต้องทำตามความฝันของตัวเองตั้งแต่เด็ก ความฝันที่ปูทางให้เป็นตัวเราแบบในวันนี้ และทำไมเราจึงมาถึงจุดนั้นได้

ว่ากันว่าวัยรุ่นยุคใหม่แคร์ความรู้สึกของตัวเองเป็นหลักและอยากจะประสบความสำเร็จเร็วๆ

ถ้าเป็นเรื่องงาน เรื่องความฝัน ถามว่าแคร์ตัวเองไหม หนูก็ยังแคร์ตัวเองเป็นหลักนะ เช่น อยากจะดรอปเรียนก็ดรอปเลย เพราะหนูไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองเรียนไปวันๆ โดยที่ยังไม่เคยผ่านงาน ครั้งหนึ่งเคยเจอดรอปเรียนโดยอัตโนมัติ เพราะมีกฎว่าจะขาดเรียนเกิน 3 ครั้งไม่ได้ แต่ช่วงนั้นมันคือโอกาสของหนู งานถ่ายแบบเดินแบบเยอะมาก และมันเป็นงานที่เราอยากทำมาก สุดท้ายเราคิดว่าขอเราทำงานเถอะ เรากลัวว่าพอเรียนจบไปแล้วจะไม่ได้โอกาสตรงนี้ หนูก็ตัดสินใจดรอปเลย

 

ความฝันคือนางแบบโกอินเตอร์

หนูมีความฝัน ถ้าใครได้อ่านบทสัมภาษณ์เมื่ออายุประมาณ 15-18 ปี หนูจะพูดตลอดว่าอยากเป็นนางแบบโกอินเตอร์ค่ะ คนถามว่าทำไมถึงอยากโกอินเตอร์ หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าต้องโกอินเตอร์ หนูอยากโกอินเตอร์ และรู้สึกว่าถ้าเราได้อยู่ตรงจุดนั้น เราจะมีความสุขมากๆ

 

วันหนึ่งพอได้ไปอยู่ตรงจุดนั้นจริงๆ คุณมีความสุขอย่างที่คิดไว้ไหม

มีความสุขมากค่ะ เฮ้ย นี่เราทำได้แล้วจริงๆ เหรอวะ

 

ไม่ใช่ทุกคนด้วยนะที่มีความฝันแล้วจะไปถึงตรงจุดที่ฝันได้

ใช่ค่ะ บางทีเวลามีความรู้สึกว่าไม่ชอบตัวเอง หนูต้องยกมือไหว้ตัวเองแล้วย้อนกลับไปคิดว่า เฮ้ย ทำไมเราถึงต้องทำตามความฝันของตัวเองตั้งแต่เด็ก ความฝันที่ปูทางให้เป็นตัวเราแบบในวันนี้ และทำไมเราจึงมาถึงจุดนั้นได้

 

ตอนไปเกาหลีแรกๆ ตอนนั้นเป็นหน้าใหม่มาก ใครจะไปรู้ว่าหนูจะได้ถ่ายแบบกับแบรนด์ดังของเกาหลีอย่าง 8 seconds กับ NONAGON ที่ถ้าใครได้ถ่ายกับแบรนด์นี้ทุกคนก็จะเป็นที่รู้จัก ใครจะนึกว่าวันหนึ่งเราจะได้ถ่ายกับศิลปินดังของเกาหลีใต้ ได้ถ่ายกับ iKON ได้ถ่ายกับลิซ่า BLACKPINK นึกไม่ถึงว่าเราจะได้รับโอกาสขนาดนี้ และกลับกลายเป็นว่าวงการแฟชั่นเกาหลีพูดกันแบบปากต่อปากจนทำให้มีคนรู้จัก

 

 

หนูได้ทำงานในจุดที่คนวัยเดียวกันอาจจะไม่ได้ทำเท่าหนู แต่ขณะเดียวกันหนูก็ขาดความสัมพันธ์กับเพื่อน ขาดความสัมพันธ์กับครอบครัว และอาจจะไม่ได้ทำอะไรที่เด็กวัยนี้ควรจะทำ ซึ่งหนูตัดขาดจากตรงนั้นไปตั้งแต่วัยมัธยมปลาย

มีแต่ความสำเร็จและภาพสวยงามอย่างเดียวเลยเหรอ มีข้อเสียบ้างไหม

มันเหงาค่ะ เพราะเราอยู่ตัวคนเดียว ก่อนหน้านี้หนูไม่เคยจากบ้านไปไหนเลย แต่หนูไปเกาหลีโดยเริ่มต้นจากศูนย์ ภาษาเกาหลีก็พูดไม่ได้ หนูเป็นคนที่ไม่ฉลาดเรื่องภัยรอบตัว ไม่ฉลาดเรื่องการดูแลตัวเองคนเดียว ช่วงแรกๆ มีปัญหากับชีวิตเยอะมาก ร้องไห้เยอะมาก แต่มันคือความฝันเนอะ พอย้อนกลับมานั่งคิดดู ตอนปีแรกๆ มีหลายเรื่องมากที่เราทำแบบนั้นไปได้ยังไงวะ (หัวเราะ)  

 

คุณต่างจากนางแบบสาวไทยคนอื่นอย่างไร ทำไมจึงสามารถทะลุออกมาได้

มันไม่เกี่ยวเลยค่ะ มันเกี่ยวกับความตั้งใจและตามฝันของแต่ละคน ถ้าเกิดคุณมีความฝัน คุณก็ทำ ทุกคนสามารถทำได้หมด ขึ้นอยู่กับว่าจะทำหรือเปล่า

 

คิดว่างานเดินแบบและถ่ายแบบต่างกับงานแสดงในมุมไหนบ้าง

ต่างกันค่ะ การถ่ายแบบก็ต้องใช้อินเนอร์ งานเดินแบบก็ต้องใช้อินเนอร์ ไม่ใช่ว่าโพสๆ เดินๆ ไปอย่างนั้นแหละ ไม่รู้สึกอะไร เพราะว่าทุกการเดินแบบ ทุกการโพส เขาจะมีโจทย์มาให้เรา ก็เหมือนว่าเราฝึกมาตั้งแต่ตอนนั้น

 

งานนางแบบสามารถนำมาปรับใช้กับการแสดงได้ไหม อย่างการแสดงใน APPWAR

หนูว่าอาชีพนางแบบไม่สามารถนำมาใช้กับอาชีพนักแสดงได้ แต่อาชีพนักแสดงสามารถนำมาใช้กับงานนางแบบได้มากกว่า เช่น อินเนอร์

 

จริงๆ แล้วหนูมองว่าคนที่เคยเป็นนางแบบมาก่อนแล้วมาเป็นนักแสดงนี่ยากนะ เพราะการที่เราต้องแสดงเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่เราคิดทุกอย่างที่เราเคยเป็นนางแบบ แล้วทำยังไงเราจึงจะสามารถสลัดคราบนางแบบแล้วกลับไปเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งให้ได้

 

 

ถ้ามีคนบอกว่าทำไมชีวิตจิงจิงถึงได้ดีจังเลย คุณจะบอกเขาว่า…

ทุกคนพูดหมดเลยว่าชีวิตดีจัง เราก็จะตอบว่าไม่ได้ดีขนาดนั้นนะมึง (หัวเราะ) กูก็เหงาเหมือนกัน พูดจริงๆ ถ้าถามว่าชีวิตหนูแลกอะไรกับคนวัยเดียวกัน หนูได้ทำงานในจุดที่คนวัยเดียวกันอาจจะไม่ได้ทำ แต่ขณะเดียวกันหนูก็ขาดความสัมพันธ์กับเพื่อน ขาดความสัมพันธ์กับครอบครัว และอาจจะไม่ได้ทำอะไรที่เด็กวัยนี้ควรจะทำ ซึ่งหนูตัดขาดจากตรงนั้นไปตั้งแต่วัยมัธยมปลาย

 

แล้วมันมีเอฟเฟกต์กับตัวเราไหม

มีเอฟเฟกต์ค่ะ บางทีหนูอยากทำตัวเป็นวัยรุ่นตามวัยแบบเพื่อนบ้างเหมือนกัน บางทีก็แอบคิดน้อยใจว่าเราเลือกทางเดินนี้ถูกไหม แต่ทุกวันนี้ก็คิดว่าที่เราเลือกทางเดินนี้มามันดีแล้ว ถูกแล้ว

 

หลังจากนี้คุณออกแบบเส้นทางแฟชั่นและงานแสดงไว้อย่างไรบ้าง

ตอนนี้หนูเป็นเหมือนจูน นางเอกของเรื่อง APPWAR แล้ว คือมีสองทางให้เลือก ทางหนึ่งคือตอนนี้หนูเหลือสัญญาที่เกาหลีอีก 1 ปี แล้วทางค่ายเขาบอกว่าจะให้หนูไปนิวยอร์กต่อ ซึ่งนั่นก็เป็นความฝันของเราอีก แต่พอได้มาเล่นหนัง เราก็รู้สึกว่าชอบทางนี้ด้วยเหมือนกัน ล่าสุดตอนนี้เริ่มมีงานแสดงติดต่อเข้ามาเพิ่ม หนูก็เลยยังอยู่ในระหว่างตัดสินใจว่าจะเลือกเส้นทางไหนดี

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising