×

งาน Apple WWDC 2018 มีอะไรใหม่บ้าง

05.06.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • WWDC 2018 ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-8 มิถุนายน 2018 นับเป็นการจัดงานประชุมสำหรับนักพัฒนาค่าย Apple จากทั่วทุกมุมโลกเป็นครั้งที่ 29 มีนักพัฒนากว่า 6,000 คนจาก 77 ประเทศเข้าร่วมงาน มากกว่าครั้งที่ผ่านมาทั้งหมด
  • ทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บอกว่างานในวันนี้เน้นพูดถึงระบบปฏิบัติการทั้ง 4 โปรดักต์ล้วนๆ ได้แก่ iOS, watchOS, tvOS และ macOS
  • ผู้ใช้อุปกรณ์ของ Apple ตั้งแต่ที่เปิดตัวในปี 2013 เป็นต้นมาจะสามารถอัปเดตระบบปฏิบัติการ iOS 12 ได้ทั้งหมด โดยจุดเด่นของระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุดนี้คือการทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AR, ฟีเจอร์ Memoji สร้างอิโมจิส่วนตัว,​ Facetime ได้สูงสุดพร้อมกัน 32 คน และมีฟีเจอร์ควบคุมการใช้งานสมาร์ทโฟนไม่ให้เกินความพอดี

งาน WWDC 2018 (The Apple Worldwide Developers Conference) ในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-8 มิถุนายน 2018 นับเป็นการจัดงานประชุมสำหรับนักพัฒนาค่าย Apple จากทั่วทุกมุมโลกเป็นครั้งที่ 29 (ครั้งนี้มีนักพัฒนากว่า 6,000 คนจาก 77 ประเทศเข้าร่วมงาน เป็นจำนวนที่มากกว่าครั้งที่ผ่านๆ มาทั้งหมด) และยังเลือกหอประชุม McEnery เมืองซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นสถานที่จัดงานเหมือนในปีที่ผ่านมาเช่นเคย

 

 

ไฮไลต์ที่ถูกคาดหวังมากที่สุดคือการเปิดตัวบรรดาผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์หน้าใหม่ในตระกูล iPhone (ลือกันว่าเป็น SE2), Macbook (New Air & New Pro), Homepod (Mini) หรือแม้แต่ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุด iOS 12

 

แต่เมื่อเริ่มงานขึ้นก็ดูเหมือนสาวก Apple บางส่วนอาจจะต้องผิดหวังไปตามๆ กัน เมื่อ ทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Apple ออกตัวว่า “วันนี้งานจะพูดถึงซอฟต์แวร์ล้วนๆ!” โดยเน้นไปที่การเปิดตัวระบบปฏิบัติการใน 4 โปรดักต์ ได้แก่ iOS, watchOS, tvOS และ macOS

 

 

ทิมเริ่มต้นด้วยการกล่าวว่าปัจจุบันนักพัฒนาของ Apple มีมากกว่า 20 ล้านคนทั่วโลก และเดือนหน้า (10 กรกฎาคม) App Store ก็จะฉลองเข้าสู่ปีที่ 10 ซึ่งที่ผ่านมา App Store ได้พลิกโฉมอุตสาหกรรมแอปพลิเคชันและไลฟ์สไตล์ความเป็นอยู่ของผู้ใช้เป็นอย่างมาก

 

ทุกวันนี้ App Store มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากกว่า 500 ล้านรายต่อสัปดาห์ และแพลตฟอร์มนี้ช่วยให้เหล่านักพัฒนาทั่วโลกรับทรัพย์รวมกันไปมากกว่า 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ! ทั้งยังชี้ให้เห็นว่าการเรียนรู้หลักสูตรการเขียนโค้ดเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นสำหรับเด็กรุ่นใหม่มาก

 

 

“พวกเราเชื่อว่าทักษะการเขียนโค้ดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และมันน่าจะถูกจัดสอนในหลักสูตรการศึกษาแต่ละโรงเรียนทั่วโลก เพราะมันมีประโยชน์ในหลายๆ ทาง ทั้งช่วยเสริมทักษะการแก้ไขปัญหาและทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ ลองจินตนาการดูสิว่าคนรุ่นใหม่จะเขียนโค้ดสร้างอะไรขึ้นมาได้ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร ผมเชื่อแน่นอนว่ามันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโลกได้”

 

iOS12 ยกระดับการทำงานร่วมกับ AR ฟีเจอร์ควบคุมความพอดีในการใช้งาน และ ‘Memoji’ อีโมจิหน้าผู้ใช้

ทุกๆ ปี Apple จะมีการเปลี่ยนแปลงและอัปเดตระบบปฏิบัติการ iOS เสมอเพื่อปล่อยฟีเจอร์และความสามารถใหม่ออกมา และปีนี้ก็เป็นคิวของ iOS 12 ที่จะได้ฤกษ์เผยโฉม

 

เครก เฟเดอริงกิ รองประธานอาวุโสฝ่ายซอฟต์แวร์ของ Apple ขึ้นเวทีมาพร้อมกับกล่าวติดตลกว่า “พวกคุณก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าวันนี้เราจะเปิดตัว iOS 12” และเผยว่าการปล่อยระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ให้ผู้ใช้สินค้า Apple รุ่นก่อนๆ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

 

เพราะฉะนั้นใน iOS 12 นี้ ผู้ที่ใช้อุปกรณ์ของ Apple ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมาจะสามารถอัปเดตได้เหมือนๆ กันทุกเครื่อง

 

ลิสต์อุปกรณ์ที่รองรับระบบปฏิบัติการใหม่ทั้งหมด (iPhone X, iPhone 8, iPhone 8 Plus, iPhone 7, iPhone 7 Plus, iPhone 6s, iPhone 6s Plus, iPhone 6, iPhone 6 Plus, iPhone SE, iPhone 5s, iPad 12.9-inch, iPad Pro 2nd generation 12.9-inch, iPad Pro 1st generation 10.5-inch, iPad Pro 9.7-inch, iPad Pro, iPad 6th generation, iPad 5th generation, iPad Air 2, iPad Air, iPad mini 4, iPad mini 3, iPad mini 2,​ iPod, iPod touch 6th gen)

 

 

ฟีเจอร์เด่นของระบบปฏิบัติการ iOS 12

  • ความเร็วในการเปิดแอปฯ เพิ่มขึ้น 40%, ความเร็วในการปรากฏของคีย์บอร์ดเพิ่มขึ้น 50%, ความเร็วในการเลื่อน (swipe) ไปใช้กล้องถ่ายรูปเพิ่มขึ้น 70%
  • AR Apps: แอปพลิเคชันที่ทำงานผ่านเทคโนโลยี AR รวมถึงเกม Lego ที่จะเปิดให้เล่นในช่วงปลายปีนี้
  • Measure: แอปพลิเคชันใหม่ที่ใช้วัดความกว้าง ความยาว ความสูง หรือเส้นทแยงมุมของวัตถุต่างๆ ที่ปรากฏในเลนส์กล้อง
  • Photo: ฟีเจอร์แนะนำแท็กคนในภาพเพื่อแชร์ภาพนั้นๆ ต่อ
  • Siri: มีการเรียกใช้งานมากกว่า 10,000 ครั้งต่อเดือน และมีการเชื่อมต่อไปยังพาร์ตเนอร์ผู้ให้บริการอื่นๆ เช่น ไรด์แชริ่ง เป็นต้น โดยปีนี้ฟีเจอร์ที่จะเพิ่มขึ้นมาใหม่คือ ‘Shortcut’ เพื่อช่วยให้เข้าถึงและช่วยเหลือผู้ใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม หรือการแนะนำ (Suggestion) ช่วยเตือนให้ผู้ใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน
  • Apple News: หลัง Google เปิดตัวแพลตฟอร์มอ่านข่าวที่คัดเลือกข่าวเด่นโดยปัญญาประดิษฐ์เป็นของตัวเอง Apple ก็ไม่รอช้า เผยโฉมใหม่ของ Apple News ที่จะช่วยให้คนอ่านข่าวได้หลากหลายขึ้นออกมาเช่นกัน และยังนำหมวดข่าวธุรกิจเข้าไปรวมในการดูหุ้นด้วย (Stocks)
  • iPad: มีฟีเจอร์อัดเสียงแล้ว
  • Apple Carplay: จะรองรับการทำงานร่วมกับระบบนำทางของผู้พัฒนาค่ายอื่นๆ
  • Do not Disturb:
    • Notifications: การแจ้งเตือนที่ปรากฏบนหน้าจอจะถูกจัดหมวดให้อยู่ในกลุ่มต่างๆ เพื่อความง่ายในการเปิดดู
    • Screen Time: แอปพลิเคชันที่จะช่วยสรุปข้อมูลการใช้สมาร์ทโฟนในแต่ละวัน แสดงข้อมูลเชิงลึกว่าแต่ละวันคุณใช้สมาร์ทโฟนนานแค่ไหน เสียเวลาไปกับอะไรมากสุด เพื่อช่วยในการควบคุมการใช้งานสมาร์ทโฟน
    • App Limits: กำหนดเวลาการใช้งานสมาร์ทโฟนหรือแอปพลิเคชันในแต่ละวัน เพื่อแจ้งเตือนว่าคุณกำลังใช้งานมากเกินพอดี

 

 

  • Message: เพิ่มความสามารถของ Animoji ให้ตรวจจับลิ้นได้ (Tongue Detection) และเพิ่มหน้าผี, หมีโคอาลา, เสือ และไดโนเสาร์ทีเร็กซ์ รวมถึงยังมี Memoji ที่เพิ่มขึ้นมาเพื่อสร้างอีโมจิส่วนตัวของผู้ใช้แต่ละคนให้มีความหลากหลายและมีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง
  • Facetime: เพิ่มความสามารถการคุยแบบหลายคน หรือ Group Facetime โดยสามารถคุยแชตแบบวิดีโอพร้อมกันได้สูงสุดถึง 32 คน! และยังทำงานร่วมกับ Animoji ได้ด้วย

 

 

watchOS 5 ฟังพอดแคสต์และใช้เป็นวิทยุสื่อสารขนาดจิ๋วได้แล้ว

ทิม คุก บอกว่าตั้งแต่เปิดตัว Apple Watch ออกมา นาฬิกาอัจฉริยะนี้ก็ได้รับความนิยมในเชิงความพึงพอใจของผู้บริโภคเป็นอันดับ 1 มาโดยตลอด และยังเคยช่วยชีวิตของผู้ใช้รายหนึ่งที่มีปัญหาด้านการเต้นของหัวใจผ่านการแจ้งเตือนไปยังภรรยาของเขามาแล้ว

 

 

ฟีเจอร์เด่นของระบบปฏิบัติการ watchOS 5

  • Activity: ช่วยกระตุ้นและติดตามผลการออกกำลังกายของผู้ใช้ Apple Watch ช่วยตรวจจับการออกกำลังกายแบบอัตโนมัติ รวมถึงแยกกิจกรรมการออกกำลังกายที่หลากหลายมากขึ้น มีทั้งโยคะและการเดินทางไกล
  • Connecting: เพิ่มแอปฯ Wakie-Talkie เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารขนาดจิ๋ว แค่แตะก็สามารถพูดแล้วส่งต่อเป็นไฟล์เสียงได้
  • Siri: ไม่ต้องพูด Hey Siri เพื่อเรียกใช้งานอีกต่อไป แค่ยกแขนข้างที่ใส่นาฬิกาขึ้นมาก็เริ่มพูดคุยกับมันได้ทันที
  • Web: อ่านหน้าเว็บไซต์บนหน้าปัดนาฬิกาได้แล้ว
  • Podcast: ฟังพอดแคสต์รายการต่างๆ บน Apple Watch ได้แล้ว
  • Pride Band: สายนาฬิกาสีรุ้งเพื่อเฉลิมฉลองเดือน Pride Month (มิถุนายน)

 

 

tvOS 12 เน้นระบบเสียงแบบ 3 มิติ ‘Dolby Atmos’ และช่องโทรทัศน์จุใจอีกกว่า 100 ช่อง

มีการเปิดเผยว่าตั้งแต่ที่ Apple ได้นำเทคโนโลยีความคมชัดสูงแบบ 4K เข้ามาใช้ในปีที่แล้ว ภาคธุรกิจของ Apple TV ก็เติบโตขึ้นมาเกือบ 50% โดยในปีนี้สิ่งที่ Apple ประกาศจะอัปเดตให้กับ tvOS 12 จะเน้นไปที่ความสามารถของระบบเสียง Dolby Atmos และการรองรับช่องสถานีจำนวนมากได้เป็นหลัก

 

 

ฟีเจอร์เด่นของระบบปฏิบัติการ tvOS

  • Dolby Atmos: นำระบบเสียง Dolby Atmos เข้ามาทำงานร่วมเพื่อสร้างประสบการณ์เสียงที่ต่างออกไปแบบ 3 มิติ
  • More Channels: เพิ่มช่องข่าวและช่องกีฬามากกว่า 100 ช่องให้ดูกันจนตาแฉะ (พื้นที่ให้บริการในแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกันในการให้บริการช่องสถานี)
  • Remote: เพิ่มรีโมตทีวีลงไปในหน้า Control Center ของอุปกรณ์ Apple

 

 

macOS Mojave มาในโทนสีเข้มและโหมด Screenshot สารพัดประโยชน์ที่อัดวิดีโอได้

ระบบปฏิบัติการบนเครื่อง Mac รุ่นใหม่นี้จะใช้ชื่อว่า ‘โมฮาเว’ (Mojave) โดยความเปลี่ยนแปลงที่ได้เห็นได้ชัดๆ คือการเพิ่ม Dark Mode เพื่อเปลี่ยนธีมสีในเครื่อง Mac ให้เป็นโทนเข้มขึ้น รวมถึงการอัปเดตเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการป้องกันความปลอดภัยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้

 

 

ฟีเจอร์เด่นของระบบปฏิบัติการ macOS Mojave

  • Dark Mode: เปลี่ยนโทนสีในเครื่อง Mac ให้เป็นสีโทนเข้มกว่าเดิม เน้นความขรึม
  • Desktop: Desktop Stack ใช้จัดเรียงไฟล์ต่างๆ บนหน้าจอเดสก์ท็อปแบบอัตโนมัติตามประเภทของไฟล์หรือไอคอนต่างๆ ให้ไปอยู่อย่างเป็นระเบียบในแถบด้านขวาของหน้าจอ
    • เพิ่มการดูภาพแบบ Gallery View ไล่เรียงตามภาพเพื่อความสะดวกของผู้ใช้
  • Screenshot: ใช้เพื่อตกแต่งภาพได้ง่ายขึ้น และยังใช้เพื่ออัดหน้าจอแบบวิดีโอได้แล้ว
  • Apps: อ่านข่าวบน Apple News ที่ถูกคัดกรองโดยคณะบรรณาธิการของ Apple ได้ด้วย เช่นเดียวกับการดูข่าวธุรกิจในหน้าหุ้นเหมือน iOS 12, เพิ่มฟีเจอร์การอัดเสียง และ Homes ฟีเจอร์ควบคุมอุปกรณ์ในบ้าน
  • Security: จำกัดการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ รวมถึงการใช้งานไมโครโฟนและกล้องเพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว โดยบนหน้าเบราว์เซอร์ Safari จะบล็อกไม่ให้แบนเนอร์โฆษณาหรือโซเชียลมีเดียติดตามข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้
  • Mac App Store: ให้ความสำคัญกับสโตร์ของ Mac มากขึ้นในปีนี้ รวมถึงการออกแบบหน้าอินเทอร์เฟซแบบใหม่ ส่วน Microsoft ก็จะนำซอฟต์แวร์ Office 365 มาวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มด้วย

 

ทิมกล่าวทิ้งท้ายหลังจบงานถึงนักพัฒนาทุกคนอีกด้วยว่า “เรารักในสิ่งที่คุณทำและผลกระทบที่มีต่อโลกใบนี้ การร่วมสร้างสรรค์แรงบันดาลใจให้กับ Apple ในทุกๆ วัน ขอบคุณมากครับ ผมอยากจะขอบคุณพนักงานทุกคนของ Apple ที่อุทิศตนและเสียสละเพื่อให้เกิดวันนี้ขึ้นมาได้”

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising