หลังจาก Apple เปิดตัวสมาร์ทวอทช์ Apple Watch Ultra ครั้งแรกของโลกไปเมื่อปีที่แล้ว เพื่อเอาใจคนกลุ่มคนสายแอ็กทีฟ ผู้รักการออกกำลังกาย ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งและใต้น้ำ และยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อให้ได้นาฬิกาที่ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์ งานดีไซน์ และความต้องการที่มากกว่าสมาร์ทวอทช์ทั่วไป
วันนี้ Apple เปิดตัว Apple Watch Ultra 2 ที่แม้หน้าตาอาจไม่ต่างจากเดิมมากนัก แต่หากมาดูกันที่ความสามารถแล้ว Apple Watch Ultra 2 รุ่นนี้มีหลายอย่างที่ชวนว้าวอยู่เหมือนกัน และเหล่านี้คือ 5 สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนซื้อ Apple Watch Ultra 2 รุ่นใหม่ ไม่ว่าจะแทนที่รุ่นเดิม หรือชั่งใจมานานว่าจะย้ายค่ายดีไหม
- Apple Watch Ultra 2 ราคา 31,900 บาท มีขนาดเดียวอยู่ที่ 49 มิลลิเมตร ใช้ watchOS 10 ยังคงเป็นนาฬิกาที่สมบุกสมบัน และมากความสามารถที่สุดของ Apple ใช้ SiP รุ่น S9 ใหม่ทรงพลัง จอภาพสว่างกว่ารุ่นแรก 50% นับว่าสว่างที่สุด แบตเตอรี่ใช้งานได้เท่าเดิมอยู่ที่ 36 ชั่วโมงเมื่อใช้งานตามปกติ และ 72 ชั่วโมงเมื่ออยู่ในโหมดประหยัดพลังงาน มีคุณสมบัติใหม่อย่างการค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงสำหรับ iPhone ในกรณีที่เราจำไม่ได้ว่าวางมือถือไว้ไหน
ค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงสำหรับ iPhone
- ความสามารถใหม่ คำสั่งนิ้ว ‘แตะสองครั้ง’ เพื่อสั่งการ Apple Watch Ultra 2 โดยที่เราไม่ต้องแตะจอภาพ แต่ให้เราจีบนิ้วชี้กับนิ้วโป้งข้างที่สวมใส่นาฬิกา แตะกัน 2 ครั้งแทน เพื่อควบคุมปุ่มหลักในแอป สั่งหยุดจับเวลา เล่นหรือหยุดเพลงชั่วคราว เลื่อนนาฬิกาปลุก รับและวางสาย ถ่ายภาพด้วยรีโมตกล้องบน Apple Watch ฯลฯ
การแตะสองครั้ง
- มี Siri ในตัว ไม่ต้องใช้ WiFi หรือเซลลูลาร์ สามารถเข้าถึงและบันทึกข้อมูลสุขภาพและฟิตเนสได้เลย เช่น ถามว่าหลับไปกี่ชั่วโมง วันนี้เดินไปกี่ก้าว บอกให้เริ่มต้นวิ่งกลางแจ้ง หรือปั่นจักรยาน รวมถึงการขอให้ Siri บันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น น้ำหนัก อุณหภูมิร่างกาย ประจำเดือน หรือยาที่รับประทาน เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว
- หน้าปัด Modular Ultra สำหรับสายแอ็กทีฟ หน้าปัดใหม่เฉพาะของรุ่นนี้ นำเสนอข้อมูลแบบเรียลไทม์ รวมถึงวินาที ระดับความสูง หรือความลึก มีกลไกหน้าปัดมากกว่าหน้าปัดดิจิทัลของ Apple ทุกแบบ เพราะสามารถปรับแต่งเพื่อการเล่นกีฬา เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน การผจญภัยกลางแจ้ง และกิจกรรมในมหาสมุทรและทางน้ำ เช่น สกูบา ฟรีไดฟ์ เป็นต้น
หน้าปัด Modular Ultra
- รักษ์โลกยิ่งขึ้น ด้วยรุ่นเป็นกลางทางคาร์บอน เพราะสายและตัวเรือนของ Apple Watch Ultra 2, Apple Watch SE และ Apple Watch Series 9 ล้วนมีคาร์บอนฟุตพรินต์ที่ลดลง หลัง Apple ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากแหล่งก๊าซเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุด 3 แหล่ง ได้แก่ วัสดุ ไฟฟ้า และการขนส่ง และมีการชดเชยด้วยคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ ยุติการใช้หนังสัตว์ เปลี่ยนมาใช้วัสดุ FineWoven ที่ใกล้เคียงหนังสัตว์แทน เน้นการใช้วัสดุรีไซเคิล และใช้เยื่อไม้ในการทำกล่องใส่ Apple Watch ใหม่
บรรจุภัณฑ์ใหม่ และวัสดุ FineWoven
ภาพ: Apple