×

‘ดูทีวี เล่นเกม อ่านข่าว’ สรุปบริการใหม่ Apple มีอะไรน่าสนใจและใช้ในประเทศไทยได้บ้าง

26.03.2019
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read

 

  • Apple จัดงานคีย์โน้ตเปิดตัวบริการใหม่ของพวกเขาที่หอประชุม Steve Jobs Theater ในแคลิฟอร์เนีย โดยขนเอาบริการใหม่ๆ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค เช่น สตรีมมิงวิดีโอ, เกม, บริการอ่านข่าวและนิตยสารออนไลน์ และบัตรเครดิต
  • Apple TV+ คือหมัดเด็ดของ Apple ในปีนี้ ชูจุดเด่นของการได้พาร์ตเนอร์ผู้ผลิตคอนเทนต์ระดับตำนานของวงการมาร่วมงานทั้ง โอปราห์ วินฟรีย์, สตีเวน สปีลเบิร์ก หรือ Sesame Street ฯลฯ
  • สาเหตุที่ Apple ลงมาลุยตลาดบริหารเต็มตัว เนื่องจากที่ผ่านมายอดขายสินค้าและฮาร์ดแวร์โดยเฉพาะ iPhone ตกลงแบบน่าใจหาย ซึ่งการหันมาพัฒนาบริการจะช่วยให้พวกเขามีรายได้จากผู้บริโภคในระยะยาวมากกว่า

 

คืนวันจันทร์ที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา (ตรงกับช่วงสาย ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา) Apple ได้จัดงานคีย์โน้ตเปิดตัวบริการใหม่ที่หอประชุม Steve Jobs Theater ในแคลิฟอร์เนีย โดยขนเอาบริการใหม่ๆ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคมาอวดโฉมเป็นจำนวนมาก เช่น สตรีมมิงวิดีโอ, เกม, บริการอ่านข่าวและนิตยสารออนไลน์ และบัตรเครดิต

 

ส่วนรายละเอียดและความน่าสนใจของแต่ละบริการจะมีอะไรบ้าง แล้วบริการไหนจะรองรับการใช้งานในประเทศไทย THE STANDARD ได้สรุปไว้ให้แล้วดังนี้

 

 

1. Apple TV+ ทางรอดของ Apple สู่แพลตฟอร์มสตรีมมิงวิดีโอ

ถือเป็นหมัดเด็ดของ Apple ในงานครั้งนี้เลยก็ว่าได้ กับการเปิดตัว TV+ แพลตฟอร์มสตรีมมิงวิดีโอบนแอปพลิเคชัน Apple TV+ (เวอร์ชันใหม่ที่พร้อมใช้งานเดือนพฤษภาคมนี้) ที่เพียบพร้อมด้วยออริจินัลคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ ภายใต้การร่วมงานกับพาร์ตเนอร์ผู้ผลิตคอนเทนต์ระดับโลก เช่น โอปราห์ วินฟรีย์, สตีเวน สปีลเบิร์ก, เจ.เจ. แอบรัมส์, รีส วิเธอร์สปูน, Sesame Street ฯลฯ

 

ส่วนกำหนดการเปิดให้ใช้งานและราคาค่าบริการอย่างเป็นทางการยังไม่มีการประกาศออกมา แต่ภายในช่วงปลายปีนี้เราจะได้ใช้ Apple TV+ แน่นอน (***รองรับการใช้งานในประเทศไทย)

 

 

2Apple Arcade รวมเกมแบบบุฟเฟต์ เล่นได้ไม่อั้นทั้งเดือน

แพลตฟอร์มที่รวมเกมจากค่ายผู้พัฒนาเกมชั้นนำทั่วโลก เช่น Cartoon Network, Finji, Konami, Lego, Sega, Snowman ฯลฯ เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้ใช้งานอุปกรณ์ Apple ได้เล่นเกมแบบเอ็กซ์คลูซีฟกว่า 100 เกมโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อทีละเกม (อัปเดตเกมใหม่ๆ เพิ่มตลอดเวลา) แถมไม่มีโฆษณาคั่นมาสร้างความรำคาญใจอีกด้วย

 

พร้อมฟีเจอร์พิเศษที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนอุปกรณ์ไปมาในการเล่นเกม แล้วเล่นต่อจากจุดเดิมบนอุปกรณ์เก่าได้ทันที ไม่ต้องเริ่มเล่นใหม่ (คล้ายกับการดูคอนเทนต์ของ Netflix แล้วเปลี่ยนอุปกรณ์ดูต่อได้ทันที) โดยจะเปิดตัวภายในปี 2019 นี้ (***รองรับการใช้งานในประเทศไทย)

 

 

3. Apple News+ สร้างประสบการณ์อ่านข่าวและนิตยสารรูปแบบใหม่

Apple เคลมว่า News+ จะเป็นแพลตฟอร์มที่ดึงคอนเทนต์สุดปังจากหัวนิตยสาร หนังสือพิมพ์ และสื่อออนไลน์ชั้นนำกว่า 300 เจ้ามาเสิร์ฟให้กับผู้ใช้งานในรูปแบบใหม่ที่สวยงาม เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์ม อ่านสบายตา คัดสรรโดยบรรณาธิการของ Apple แถมยังสามารถให้ระบบคัดกรองเนื้อหาตามความสนใจของผู้ใช้งานแต่ละคนได้อีกด้วย

 

อีกหนึ่งฟีเจอร์เด่นคือปกนิตยสารบางเล่มสามารถขยับได้เอง (Live Covers) โดยมีรายชื่อพาร์ตเนอร์สื่อดังนี้ Vogue, Time, National Geographic Magazine, People, GQ, Elle, The Wall Street Journal, Los Angeles Times ฯลฯ สนนราคาค่าใช้บริการที่ 9.99 เหรียญสหรัฐ หรือราว 316 บาทต่อเดือน แต่รองรับการใช้งานแค่ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเท่านั้น (***ไม่รองรับการใช้งานในประเทศไทย)

 

 

4. Apple Card บัตรเครดิตเสมือนจริง ใช้งานได้ทันทีบน iPhone

บัตรเครดิตที่ Apple ได้พัฒนาภายใต้ความร่วมมือกับ Goldman Sachs แม้จับต้องไม่ได้ แต่จะไปอยู่ในแอปพลิเคชัน Apple Wallet บน iPhone เกิดขึ้นมาเพื่อต้องการแทนที่บัตรเครดิตเจ้าอื่นๆ ในตลาด ทั้งลดความซับซ้อนวุ่นวายในการสมัครบัตร ไม่มีค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ยต่ำ และยกระดับความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน

 

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสิทธิพิเศษและการสะสมแต้มในการใช้งานเหมือนกับบัตรเครดิตทั่วไป เช็กข้อมูลการทำธุรกรรมบนบัตรได้แบบละเอียดและเรียลไทม์ แต่เรื่องที่น่าเสียดายคือมันยังไม่รองรับการใช้งานในประเทศไทย  (***ไม่รองรับการใช้งานในประเทศไทย)

 

 

บทสรุปบริการใหม่ของ Apple กลยุทธ์แก้เกมยอดขาย iPhone ตก

สัญญาณที่ชัดเจนมาตลอดในช่วงระยะหลังๆ ซึ่งตัวผู้บริหาร Apple ก็น่าจะพอทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นดีคือกรณีที่ iPhone ทำยอดขายได้ไม่เปรี้ยงอีกต่อไป โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2019 ที่ผ่านมา (ตุลาคม-ธันวาคม 2018) ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม iPhone มียอดขายลดลงกว่า 15% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับไตรมาสแรกของปี 2018 ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ยังคงขายดิบขายดีทำเงินเข้าบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง

 

วิเคราะห์กันว่าสาเหตุที่ iPhone ไม่ฮอตเหมือนเคยมาจาก 3 เหตุผลหลักๆ ได้แก่

  1. Apple ไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่น่าสนใจพอ แถมราคาก็สูงมาก
  2. ผู้บริโภคใช้งานสมาร์ทโฟนเครื่องเดิมนานขึ้น จากเดิมเฉลี่ย 3 ปี เพิ่มเป็น 4 ปี ในปัจจุบัน
  3. ผลพวงจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ที่ทำให้ยอดขายในจีนโดยรวมลดลงถึง 27% (เปรียบเทียบระหว่างไตรมาสแรก 2019 และ 2018)

 

ขณะที่ยอดขาย iPhone ตกเอาๆ จนทำให้ยอดขายสินค้าโดยรวมช็อกเอาดื้อๆ ยอดขายบริการของ Apple กลับเติบโตสวนทางอย่างต่อเนื่อง (บริการจำพวก Apple Music, App Store, iTunes) โดยมีอัตราการเติบโตโดยรวมทั้งบริษัทในช่วงไตรมาสแรก 2019 สูงถึง 19%

 

ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายที่ Apple จะลงสังเวียนมาลุยตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มบริการด้วยตัวเอง เพราะมองเห็นแล้วว่าตลาดบริการรูปแบบนี้ยังมีโอกาสกรุยทางและเก็บกินจากผู้บริโภคในระยะยาวได้อีกมาก ไม่ได้ซื้อครั้งเดียวแล้วจบเหมือนสินค้าชนิดอื่นๆ เช่นเดียวกัน หากลองมองอีกมุมหนึ่ง ถ้า Apple สามารถปั้นบริการได้ดึงดูดมากพอก็อาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้คนหันมาซื้อสินค้าของพวกเขามากขึ้นไปในตัว

 

ที่น่าจับตาคือเมื่อ Apple รุกตลาดนี้เต็มตัว สงครามผลิตภัณฑ์ในกลุ่มบริการ โดยเฉพาะ Apple TV+ น่าจะทำให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสตรีมมิงวิดีโอเจ้าอื่นๆ ทั้ง  Netflix, Hulu และ Amazon Prime รวมถึงเจ้าที่ยังไม่เปิดให้บริการอย่าง Disney+ ต้องยกระดับตัวเองลงทุนสร้างออริจินัลคอนเทนต์กันดุเดือดเลือดพล่านแน่นอน

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising