×

บทสรุป iPhone X ซีรีส์ใหม่ และสินค้าใหม่ของ Apple

13.09.2018
  • LOADING...

เมื่อครั้งที่แล้วที่ ทิม คุก และ Apple ได้เปิดตัว iPhone X และ iPhone 8 & 8 Plus ฉลอง 10 ปี iPhone ไม่น่าเชื่อว่าวันเวลาจะผ่านมาจนครบ 1 ปีเต็มแล้ว (เช่นเดียวกับเงินในบัญชีที่เก็บไม่ทัน) โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา iPhone X ถือเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่สร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนโลกเป็นอย่างมาก 

ปีนี้ (12 ก.ย.) Apple ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่หอประชุม Steve Jobs Theater ณ อาคารสำนักงานใหญ่ Apple Park เช่นเคย ส่วนจะมีรุ่นใด น่าสนใจอย่างไร แล้วตรงกับข่าวลือที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้แค่ไหน THE STANDARD ได้สรุปข้อมูลมาให้คุณได้ลองศึกษากันไปพลางๆ ก่อนที่สินค้าจะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้

 

 

iPhone XS – นำโมเดลรุ่น ‘S’ กลับมาใช้อีกครั้ง หลังหายไปตั้งแต่ iPhone 7 

  • iPhone XS มาพร้อมหน้าจอ OLED Super Retina รอยบากแบบไร้ขอบ (Bezel-less Display) ขนาด 5.8 นิ้ว รองรับการดูไฟล์วิดีโอแบบ HDR10
  • ใช้ชิป A12 Bionic และชิป 7 นาโนเมตรเป็นครั้งแรก 
  • ป้องกันน้ำระดับ IP68 ที่ความลึก 2 เมตร เป็นระยะเวลา 30 นาที 
  • Face ID ประมวลผลได้เร็วและปลอดภัยกว่าเดิม 
    กล้องหลังเลนส์คู่ 12 ล้านพิกเซล (f/1.8 และ f/2.4) ปรับปรุงแฟลชแบบ True Tone เพิ่มฟีเจอร์ Smart HDR เพื่อใช้ในกระบวนการประมวลผลภาพถ่าย 1 รูป (1 ล้านล้านครั้ง) ให้สวยงามคมชัดกว่าเดิม
  • ระบบเสียงสเตอริโอที่ดังในวงกว้างขึ้น และรองรับการอัดเสียงแบบสเตอริโอ
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้มากกว่า iPhone X ถึง 30 นาที
  •  *** จุดขาย: รองรับเทคโนโลยี DSDS (Dual SIM Dual Standby) มีทั้งซิมปกติและ eSIM ส่วนโมเดลที่วางขายในประเทศจีนจะรองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมด้วย
  • ตัวเครื่องมี 3 สี คือ ทอง, เงิน, สเปซเกรย์ ใช้วัสดุกระจกและสเตนเลสเกรดเดียวกับอุปกรณ์การผ่าตัดศัลยกรรมในการผลิต มีให้เลือก 3 ขนาดความจุ คือ 64 GB, 256 GB และ 512 GB (ความจุสูงที่สุดตั้งแต่เคยมี iPhone)
  • สนนราคาเริ่มต้นที่ 999 เหรียญ หรือประมาณ 32,700 บาท (เท่ากับราคาตอนเปิดตัว iPhone X เมื่อปีที่แล้ว)
  • เริ่มเปิดให้สั่งซื้อในวันที่ 14 กันยายนนี้ และส่งมอบในวันที่ 21 กันยายน และ 28 กันยายน ในบางกลุ่มประเทศ (ไม่มีประเทศไทย)

 

 

iPhone XS Max – iPhone ที่หน้าจอใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมี iPhone มา!

  • *** จุดขาย: หน้าจอ OLED Super Retina รอยบากแบบไร้ขอบ (Bezel-less Display) ขนาด 6.5 นิ้ว เป็นขนาดหน้าจอที่ ‘ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ Apple เคยผลิต iPhone มา’
  • ทำได้ทุกอย่างเหมือน iPhone XS (ต่างแค่ขนาดหน้าจอ และอุปกรณ์ภายในบางอย่าง)
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้มากกว่า iPhone X ที่ 1 ชั่วโมง 30 นาที
  • สนนราคาเริ่มต้นที่ 1,099 เหรียญ หรือประมาณ 36,000 บาท เริ่มเปิดให้สั่งซื้อในวันที่ 14 กันยายนนี้ และส่งมอบในวันที่ 21 กันยายน และ 28 กันยายน ในบางกลุ่มประเทศ (ไม่มีประเทศไทย)

 

 

iPhone XR: ทางเลือกของ iPhone X ราคาย่อมเยา

  • หน้าจอ LCD Liquid Retina แบบไร้ขอบพร้อมรอยบาก ขนาด 6.1 นิ้ว (ใหญ่กว่าหน้าจอ iPhone 8 Plus ที่ 5.5 นิ้ว แต่ตัวเครื่องเล็กกว่า) 
  • วัสดุเป็นกระจกและอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ ป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP67
  • ใช้ชิป A12 Bionic พร้อมรองรับ Face ID
  • กล้องเลนส์เดี่ยว 12 ล้านพิกเซล f/1.8 ถ่ายภาพชัดลึกได้ด้วยกล้องตัวเดียว
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้มากกว่า iPhone 8 Plus ที่ 1 ชั่วโมง 30 นาที 
  • ตัวเครื่องมีให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ ดำ, ขาว, แดง, เหลือง, น้ำเงิน และส้มคอรัล (Coral) มีให้เลือก 2 ขนาดความจุคือ 64 GB และ 256 GB 
  • สนนราคาเริ่มต้นที่ 749 เหรียญ หรือประมาณ 24,500 บาท เริ่มเปิดให้สั่งซื้อ 19 ตุลาคม และส่งมอบ 26 ตุลาคมนี้

 

 

Apple Watch Series 4 – รีดีไซน์เครื่องใหม่ให้สมคอนเซปต์ ‘ผู้พิทักษ์สุขภาพสุดอัจฉริยะ’

  • Apple Watch ซีรีส์ 4 มาพร้อมคอนเซปต์ ‘ผู้พิทักษ์สุขภาพสุดอัจฉริยะ (An Intelligent Guardian for your Health)’ ปรับขนาดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้น 35% และ 32% ในรุ่นหน้าปัด 40 มม. และ 44 มม. ตามลำดับ
  • หน้าจอเครื่องถูกออกแบบใหม่ให้โค้งมนรับกับรูปทรงตัวนาฬิกาได้ลงตัว และปรับ User Interface แบบยกชุดให้บอกข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้สวมใส่มากขึ้น
  • ลำโพงถูกปรับให้ดังขึ้น 50% และโยกไมค์ไปฝั่งตรงข้ามของตำแหน่งเดิมเพื่อลดเสียงสะท้อนเวลาคุยโทรศัพท์
  • ใช้ชิป 64 bit Dual Core เพื่อการประมวลผลการทำงานที่เร็วกว่าเดิม 2 เท่า
  • ปรับปรุงการทำงานของ Accelerometer และ Gyroscope ให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อตรวจจับอุบัติเหตุการหกล้มของผู้สวมใส่แบบเรียลไทม์ และแจ้งเตือนไปยังทีมแพทย์ฉุกเฉินอัตโนมัติในกรณีที่ผู้สวมไม่มีการตอบสนอง
  • *** จุดขาย: ระบบ Electrocardiogram (ECG) ที่เคลมว่าสามารถบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจผ่านการสัมผัสที่ปุ่ม Digital Crown ภายใน 30 วินาที เพื่อวิเคราะอัตราการเต้นของหัวใจและตรวจหาความผิดปกติ
  • แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้ 18 ชั่วโมง ส่วนการใช้งานออกกำลังกายกลางแจ้งจะอยู่ที่ประมาณ 6 ชั่วโมง
  • สนนราคาเริ่มต้นรุ่น GPS ที่ 399 เหรียญ หรือประมาณ 13,100 บาท ส่วนรุ่น GPS+Cellular อยู่ที่ 499 เหรียญ หรือราว 16,400 บาท และปรับราคาเริ่มต้นของ Apple Watch 3 ลงมาอยู่ที่ 279 เหรียญ หรือประมาณ 9,200 บาท
  • เริ่มเปิดให้สั่งจอง 14 กันยายน และเริ่มจัดส่งในกลุ่ม 26 ประเทศแรกของโลก (ไม่มีประเทศไทยอีกเช่นเคย) วันที่ 21 กันยายน โดยปล่อย watchOS 5 ในวันจันทร์ที่ 17 กันยายนนี้
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising