×
SCB Omnibus Fund 2024

iPad Pro ชิป M1, iMac 7 สี และ AirTag หาของหาย สรุป Apple Event 2021 มีอะไรใหม่น่าสนใจบ้าง

21.04.2021
  • LOADING...
iPad Pro ชิป M1, iMac 7 สี และ AirTag หาของหาย สรุป Apple Event 2021 มีอะไรใหม่น่าสนใจบ้าง

HIGHLIGHTS

5 mins. read
  • งาน Apple Event 2021 เป็นอีเวนต์ใหญ่อีเวนต์แรกประจำปี 2021 นี้ของ Apple
  • เปิดตัวผลิตภัณฑ์ออกมาจำนวนมาก โดยในฝั่งของ iPad Pro, iMac จะมาพร้อมกับชิป M1 โดยที่ iMac มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องแบบใหม่ มีสีสันให้เลือกมากถึง 7 สี
  • ฟาก AirTag ก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าจับตา โดยประโยชน์ของมันคือการติดตามอุปกรณ์ออฟไลน์ ที่ช่วยเปลี่ยนให้มันเป็นอุปกรณ์ออนไลน์ ซึ่งสามารถค้นหาเวลาที่สูญหายได้ผ่าน Find My และอุปกรณ์อื่นๆ ของ Apple

เผลอไม่ทันไร งาน Apple Event ของ Apple ก็กลับมาจัดกันอีกแล้ว (21 เมษายนตามเวลาประเทศไทย) และเช่นเคย เป็นการจัดงานในรูปแบบออนไลน์ โดยครั้งนี้ Apple Event 2021 ถือเป็นอีเวนต์ใหญ่อีเวนต์แรกของปีจาก Apple ซึ่งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ในวันนี้ยังคงเป็นไปตามการคาดการณ์ของสื่อจำนวนมากก่อนหน้านี้ชนิดที่ไม่มีพลิกล็อกเลย

 

ส่วนจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง รายละเอียดและความเจ๋งของแต่ละผลิตภัณฑ์อยู่ตรงไหน THE STANDARD ได้สรุปข้อมูลมาให้คุณได้รีแคปและทำความเข้าใจแบบครบถ้วนทุกกระบวนท่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

iPad Pro ชิป M1 รองรับ 5G และจอแบบ Liquid Retina XDR

เป็นไปตามที่คาดการณ์ เมื่อ Apple เลือกเปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่ประจำปี 2021 นี้ โดยมาพร้อมชิปประมวลผลแบบ M1 ซึ่งช่วยให้แท็บเล็ตโมเดลนี้ทำงานได้ลื่นไหลเทียบเท่าแล็ปท็อปเลยก็ว่าได้ โดยมาพร้อมกับ CPU 8-Core ที่ทำงานเร็วขึ้นกว่า A12Z Bionic ถึง 50% (และเร็วกว่า iPad รุ่นแรก 75 เท่า)

 

ใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก 8-Core GPU ช่วยให้ตัวเครื่อง iPad Pro ทำงานด้านกราฟิกได้เร็วขึ้นกว่ารุ่นเดิม 40% (ประมวลผลด้านกราฟิกได้เร็วกว่ารุนแรก 1,500 เท่าตัว)

 

รองรับ 5G แล้ว ช่วยลดข้อจำกัดด้านการเชื่อมต่อสื่อสาร ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็ตาม และสามารถทำสปีดในการดาวน์โหลดได้สูงสุดที่ระดับ 4Gps แถมโหดกว่านั้นคือมีรุ่นขนาดความจุ 2TB ด้วย เรียกว่าเอาไว้บันทึกไฟล์ภาพ งานต่างๆ กันให้จุใจไปข้างหนึ่ง มีพอร์ต Thunderbolt 

 

ความพิเศษคือ เฉพาะรุ่นขนาดหน้าจอ 12.9 นิ้ว iPad Pro จะมาพร้อมกับจอแบบ Liquid Retina Display XDR ที่ให้การแสดงผลสีได้สดและสว่างขึ้นที่ 1,000 nits และสว่างสูงสุดที่ระดับ 1,600 nits ทำงานคู่กับจอ Mini LEDs มากกว่าหนึ่งหมื่นจอที่ฝังอยู่ด้านใน รองรับการแสดงผลแบบ True Tone

 

ส่วนกล้องตัวเครื่อง iPad Pro ยังคงชูจุดเด่นด้านการทำงานคู่กับ LiDAR Scanner ที่ช่วยให้ประมวลผลเทคโนโลยี AR ได้สมจริง ไม่มีสะดุด โดยกล้องหน้าเป็นกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12MP ความพิเศษคือมีฟีเจอร์ Central Stage ที่ตัวเลนส์จะช่วยแทร็กกล้องตามบุคคลในเฟรมภาพเพื่อให้ไม่ตกขอบ รักษาตำแหน่งผู้ใช้งานอยู่กลางจอตลอดเวลา ไม่หลุดเฟรมกล้อง ซึ่งเหมาะมากๆ กับคนที่ทำคอนเทนต์แบบ Vlog หรือต้องประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ต่างๆ

 

สำหรับตัว Magic Keyboard ที่หลายๆ คนชื่นชอบกัน ใน iPad Pro รุ่นนี้ก็มีการเปิดตัวสีใหม่คือสีขาวด้วย โดยจะเปิดให้สั่งจองได้ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน แล้ววางขายอย่างเป็นทางการครึ่งเดือนหลังพฤษภาคมเป็นต้นไป

 

 

สนนราคาเริ่มต้นสำหรับขนาด 11 นิ้วในโมเดล Wi-Fi ที่ 799 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 25,000 บาท และสำหรับ โมเดล Wi-Fi + Cellular model ที่ 999 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 31,300 บาท

 

ส่วน 12.9-inch โมเดล Wi-Fi เริ่มที่ 1,099 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 34,400 บาท และโมเดล Wi-Fi + Cellular model เริ่มที่ 1,299 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 40,650 บาท (ราคาทั้งหมดยังคงเป็นราคาไม่เป็นทางการจาก Apple สหรัฐอเมริกา ติดตามราคาอย่างเป็นทางการจาก Apple ประเทศไทยอีกที)

 

 

iMac ใหม่ 7 สีที่ ‘ทรงประสิทธิภาพ’ และ ‘Personalized’ มากขึ้น 

iMac รุ่นใหม่จะมาพร้อมกับสถาปัตยกรรมชิป M1 ตาม MacBook ที่เปิดตัวไปในช่วงปีที่แล้วแบบติดๆ แต่ความพิเศษคือดีไซน์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มสีสันให้กับตัวเครื่อง ซึ่งไม่รู้ว่างานนี้จะถูกใจแฟนๆ iMac มากน้อยแค่ไหน โดยมาให้เลือกพร้อมกันมากถึง 7 สีคือ ฟ้า, เหลือง, ชมพู, ม่วง, เขียว, ส้ม และเงิน

 

สำหรับ iMac รุ่นใหม่จะมาพร้อมกับชิป M1 ที่ช่วยให้ตัวเครื่อง iMac มีความเร็วในการทำงาน ตอบสนองได้ดี ลื่นไหล โดยมี CPU แบบ 8-Core เร็วขึ้นจากรุ่นก่อน 85% ส่วน GPU 8-Core ประมวลผลกราฟิกต่างๆ ได้เร็วกว่าเดิม 50% (มีโมเดล 7-Core ด้วย) และมีแมชชีนเลิร์นนิงที่ทำงานได้เร็วกว่าเดิม 3 เท่าตัว ใช้พัดลมที่มีขาดเล็กลง 2 ตัว แต่ยังช่วยให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น และยังทำให้ตัวเครื่อง (บริเวณจอ) มีขนาดบางลงมาอยู่ที่ 11.5 มิลลิเมตร จากการลดการใช้ชิ้นส่วนภายในแผงประมวลผลด้วย M1

 

ตัวจอมีขนาด 24 นิ้ว แสดงผลได้ระดับ 11.3 ล้านพิกเซล แบบ 4.5K Retina Display รองรับการแสดงผลแบบ True Tone ให้ระดับความสว่างของแสงบนจอที่ 500 nits มีพอร์ต USB-C 4 พอร์ต ในจำนวนนี้เป็นพอร์ตแบบ Thunderbolt 2 พอร์ต

 

ยกระดับประสิทธิภาพกล้องหน้าด้วยกล้องแบบ 1080P Facetime Hd Camera ซึ่งเคลมว่าเป็นกล้องที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน Mac และไมค์ที่ให้มีประสิทธิภาพดีมากขึ้นกว่าเดิม โฟกัสเสียงผู้ใช้งานที่อยู่หน้าเครื่องเป็นหลัก แถมยังเคลมว่าดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน Mac เช่นเดิมเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานที่ต้องใช้งานประชุมทางไกลหมดห่วงทุกปัญหากวนใจ

 

iMac ยังคงชูจุดเด่นการทำงานเชื่อมต่อกันได้ลื่นไหล เช่น พิมพ์เมลค้างไว้ใน iPhone ก็มาจบงานบน iMac ได้ หรือเวลาที่ Copy ข้อความบน iPhone ทิ้งไว้ก็มา Paste บนพื้นที่ที่ต้องการบน iMac ต่อได้ไม่มีสะดุด

 

สำหรับ Magic Keyboard จะมีปุ่ม Touch ID สำหรับสแกนปลดล็อกเครื่องขึ้นมาเป็นครั้งแรกบน iMac มีสีสันใหม่ๆ ตามสีตัวเครื่อง 7 สีเลย เช่นเดียวกับ Magic Mouse และ Trackpad 

 

 

เริ่มเปิดให้จองแบบพรีออร์เดอร์วันที่ 30 เมษายนนี้ และเปิดขายพร้อมกันอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งเดือนหลังพฤษภาคม สนนราคาเริ่มต้นที่ 1,499 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 47,000 บาท และสำหรับรุ่น 7-Core GPU เริ่มที่ 1,299 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 40,650 บาท (Magic Keyboard ไม่มี Touch ID) (ราคาทั้งหมดยังคงเป็นราคาไม่เป็นทางการจาก Apple สหรัฐอเมริกา ติดตามราคาอย่างเป็นทางการจาก Apple ประเทศไทยอีกที)

 

 

จบปัญหา ‘ของหาย’ หาของไม่เจอด้วย ‘AirTag’

สำหรับคนที่ทำของหายบ่อย นี่คือแก็ดเจ็ตสุดปังที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาของหาย หาของไม่เจอได้เป็นอย่างดี สำหรับ AirTag ซึ่งจะทำงานโดยการติดเข้ากับอุปกรณ์ออฟไลน์ต่างๆ เช่น กระเป๋าเดินทาง, กระเป๋าสตางค์, ตุ๊กตา ฯลฯ โดยในกรณีที่ต้องการค้นหาอุปกรณ์ที่ AirTag ผูกติดอยู่ก็ทำได้ทันทีผ่านแอปพลิเคชัน Find My (Apple เผยว่าปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์มากกว่า 1 พันล้านชิ้นที่ถูกค้นหาบนฟีเจอร์นี้ของพวกเขา)

 

เรียกง่ายๆ ว่าเป็นการเปลี่ยนอุปกรณ์ออฟไลน์ของเราให้กลายเป็นออนไลน์เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้นั่นเอง โดยที่ตัวผู้ใช้งานยังสามารถตั้งชื่ออุปกรณ์ที่เจ้า AirTag ชิ้นนั้นผูกติดไว้ได้อีกด้วย เพื่อให้สามารถจำแนกของแต่ละชิ้นได้แบบสะดวก 

 

 

ส่วนในเชิงการทำงานจริงนั้น Apple เรียกวิธีการค้นหาผ่าน AirTag ว่าเป็นการหาแบบ Precision Finding หรือแปลตรงตัวง่ายๆ ว่า ‘หาแบบแม่นยำสุดๆ ไปเลย’ โดยทำงานควบคู่กับอุปกรณ์กล้อง, ARKit, Accelerometer และ Gyroscope บน iPhone เพื่อช่วยให้การหา AirTag แต่ละชิ้นง่ายขึ้น มีการแจ้งเตือนด้วยการสั่นแบบ Haptic หรือผ่านเสียงบน iPhone เมื่อเข้าใกล้อุปกรณ์ที่ทำการค้นหามากขึ้นเรื่อยๆ และไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับประเด็นความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน

 

สนนราคาเริ่มต้นที่ 29 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 910 บาท และแบบยกเซ็ต 4 ชิ้นที่ 99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,100 บาท สำหรับคนที่พร้อมเปย์ตัว AirTag จะมีเวอร์ชันที่มาพร้อมกับสาย Hermes ด้วย โดยจะเริ่มวางขายวันที่ 30 เมษายนนี้ แต่เปิดให้จองได้ตั้งแต่ศุกร์นี้เป็นต้นไป (ราคาทั้งหมดยังคงเป็นราคาไม่เป็นทางการจาก Apple สหรัฐอเมริกา ติดตามราคาอย่างเป็นทางการจาก Apple ประเทศไทยอีกที)

 

 

iPhone 12 เปิดตัวสีใหม่ ‘น้องมันม่วง Purple’ 

สำหรับใครที่ชื่นชอบ iPhone ในโทนสีที่หลากหลาย ตอนนี้ Apple ได้จัดตามคำเรียกร้องของผู้ใช้งานทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเพิ่มสีใหม่ใน iPhone 12 อย่าง ‘สีม่วง Purple’ ขึ้นมาอีกหนึ่งสี (จากเดิมมี 5 สี คือ แดง (PRODUCT)RED, เขียว, ขาว, ดำ และน้ำเงิน) โดยจะเริ่มเปิดให้สั่งจองวันศุกร์ที่ 23 เมษายนนี้ และวางขายพร้อมกันวันที่ 30 เมษายนเป็นต้นไป

 

 

ปรับดีไซน์แอปฯ Podcasts ใหม่ เพิ่มโมเดลทำเงิน ‘Subscription’

หลังเปิดตัวแอปฯ ตั้งแต่ 15 ปีที่แล้ว มาวันนี้ Apple ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ที่ผลักดันคอนเทนต์พอดแคสต์ให้ประสบความสำเร็จและเป็นที่นิยมในระดับเมนสตรีม ส่งผลให้พวกเขาตัดสินใจที่จะรีดีไซน์ตัวแอปฯ Podcasts โฉมใหม่ให้มีหน้าตาน่าสนใจ ดึงดูดมากขึ้น และการพัฒนา ‘แชนแนล’ เฉพาะการติดตามสำหรับผู้ผลิตคอนเทนต์ต่างๆ 

 

ที่พิเศษที่สุดคือการทำโมเดล Subscription ที่จะช่วยให้ผู้ผลิตคอนเทนต์ต่อยอดสร้างรายได้ได้มหาศาล โดยจะเริ่มเปิดตัวใน 170 ประเทศเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป 

 

(หมายเหตุ: ผู้เขียนเข้าใจว่าแชนแนลที่ทำคอนเทนต์พรีเมียมบน Podcast Subscription ในช่วงแรกของ Apple จะเป็นการคัดเลือกโดย Apple เอง เช่น Tenderfoot TV, Pushkin Industries, Radiotopia from PRX, Los Angeles Times, The Athletic, Sony Music Entertainment เป็นต้น ส่วนจะเปิดให้ผู้ผลิตคอนเทนต์ไทยเข้าร่วมหรือไม่ อาจจะต้องติดตามรายละเอียดจาก Apple อีกที)

 

 

Apple TV 4K ปรับการแสดงผลสีได้ด้วย iPhone 

Apple TV 4K นอกจากจะมาพร้อมกับชิป A12 Bionic ทำงานควบคู่กับ HDR และ Dolby Vision รองรับการแสดงผลคอนเทนต์คมชัดระดับ 4K ลูกเล่นพิเศษที่ใส่มาในเจ้า Apple TV โมเดลนี้คือความสามารถในการปรับการแสดงผลของจอสีทีวีหรือ Color Balance ด้วยการทำงานเชื่อมต่อผ่านเซ็นเซอร์แสงบน iPhone และกล้องเพื่อจูนหาการแสดงผลสีที่เหมาะที่สุดอีกด้วย! เริ่มเปิดให้จองได้ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายนนี้ และจะวางขายในช่วงครึ่งเดือนหลังพฤษภาคมเป็นต้นไป สนนราคาที่ 179 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5,600 บาท นอกจากนี้ยังมีรีโมตโฉมใหม่ ‘All-New Siri Remote’ ด้วย

 

 

บัตรเครดิต Apple Family Card ผูกการใช้งานกับสมาชิกครอบครัวได้แล้ว

แม้ผู้ใช้งานในฝั่งประเทศไทยเราจะไม่คุ้นชินกับบัตรเครดิต Apple Card สักเท่าไร แต่ที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ บัตรเดรดิตของ Apple ค่อนข้างได้รับความนิยมมากๆ มาวันนี้พวกเขาจึงได้ประกาศเปิดตัวบัตรเครดิตแบบใหม่ ‘Apple Card Family’ ที่จะช่วยให้สมาชิกในครอบครัวสามารถแชร์บัตรเครดิตใช้งานร่วมกันได้ เพื่อให้คุณพ่อ คุณแม่ สามารถคุมการใช้งานบัตรเครดิตกับลูกๆ ที่อยู่ใน Apple Family เดียวกัน และแทร็กข้อมูลการใช้งานการเงินแบบเรียลไทม์

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising