Apple บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร (23 พฤษภาคม) ที่ผ่านมาว่า ทางบริษัทได้ทำข้อตกลงกับ Broadcom บริษัทผู้ผลิตชิปชั้นนำในสหรัฐฯ เพื่อนำชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ มาใช้งาน รวมถึงร่วมมือกันพัฒนาองค์ประกอบของระบบเครือข่ายสัญญาณ 5G ในสหรัฐฯ
แม้ไม่ได้มีการเปิดเผยตัวเลขข้อตกลงออกมาอย่างชัดเจน แต่สื่อหลายสำนักรายงานว่า ข้อตกลงดังกล่าวน่าจะมีมูลค่าสูงหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยภายใต้ข้อตกลงครั้งนี้ Broadcom จะรับหน้าที่พัฒนาชิ้นส่วนอุปกรณ์ 5G ขณะที่ Apple รับหน้าที่ในการออกแบบและการผลิต ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะเกิดขึ้นที่โรงงานในสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงโรงงานหลักของ Broadcom ใน Fort Collins รัฐโคโลราโด
ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอของ Apple ระบุในแถลงการณ์ว่า ทางบริษัทยินดีและตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะมีส่วนในการพัฒนานวัตกรรมแห่งการผลิตของสหรัฐฯ ให้เติบโตงอกเงยต่อไป ซึ่งภายหลังจากการประกาศ ปฏิกิริยาตอบรับของตลาดยังค่อนข้างนิ่ง โดยเมื่อวานนี้ (23 พฤษภาคม) ขณะที่หุ้นของ Broadcom เพิ่มขึ้น 1% แต่หุ้นของ Apple กลับลดลง 1%
ทั้งนี้ ส่วนประกอบอุปกรณ์ 5G ที่พัฒนาโดย Broadcom ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีและการผลิตขั้นสูง จะรวมตัวกรอง FBAR และส่วนประกอบการเชื่อมต่อไร้สายอื่นๆ ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้แตกต่างจากโมเด็ม 5G ที่ผลิตโดย Qualcomm
ด้าน Apple กล่าวว่า ข้อตกลงกับ Broadcom เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่ Apple ตั้งไว้ในปี 2021 ในการที่จะลงทุน 4.3 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในสหรัฐฯ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นขั้นตอนล่าสุดของความร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัท เนื่องจากก่อนหน้านี้ในปี 2020 ทาง Broadcom ประกาศขายส่วนประกอบไร้สายมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ให้กับ Apple
นอกจากนี้ Apple กล่าวว่าข้อตกลงกับ Broadcom จะช่วยให้สามารถลงทุนในโครงการระบบอัตโนมัติที่สำคัญ และการเพิ่มทักษะกับวิศวกรและช่างเทคนิคอื่นๆ ที่ Apple สนับสนุนงานมากกว่า 1,100 ตำแหน่งใน Fort Collins รัฐโคโลราโด โรงงานผลิตตัวกรอง FBAR ของ Broadcom
อ้างอิง: