ต้องยอมรับว่าปี 2567 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ไม่ง่ายสำหรับ ‘ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์’ ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ อัตราการปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคาร หนี้ครัวเรือนที่สูง ทำให้การเติบโตเป็นเรื่องที่ต้องใช้พลังเป็นอย่างมาก
แต่สำหรับ ‘เอพี (ไทยแลนด์)’ กลับสวนกระแสด้วยยอดขายสุทธิสูงถึง 46,752 ล้านบาท รายได้รวมกว่า 47,125 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,020 ล้านบาท เสถียรภาพทางการเงินสุดแข็งแกร่ง สัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนที่ต่ำเพียง 0.7 เท่า
“คนที่แข็งแรงกว่าเค้กจะใหญ่ขึ้น เพราะคนที่อ่อนแอจะออกไปจากตลาด ทำให้เราสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ แม้ไม่ง่าย แต่ยังมีโอกาส” วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์)
สำหรับปี 2568 นั้น วิทการมองว่ากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มฐานลูกค้า จาก Gen X และ Gen Y ขยับมาสู่กลุ่ม Gen Y ปลายๆ และ Gen Y ที่มีพฤติกรรมจาก Me Too มาเป็น Me ที่มองความต้องการของตัวเองเป็นหลัก ดังนั้นบ้านจึงต้องปรับตัวให้เป็นไปตามพฤติกรรมของคนอยู่ที่หันมาชื่นชอบความสะดวกสบาย
ในแง่ของธุรกิจปีนี้ได้มีการตั้งเป้ายอดขายอสังหาริมทรัพย์ไว้ที่ 55,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 52,900 ล้านบาท โดยมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 42 โครงการ มูลค่า 65,000 ล้านบาท ซึ่งแม้จำนวนโครงการจะเท่ากับปีที่ผ่านมา แต่มูลค่ากลับเพิ่มขึ้นกว่า 35%
โครงการที่เปิดใหม่จะเป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 26,500 ล้านบาท ทาวน์โฮมและบ้านแฝด จำนวน 18 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 20,200 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด
3 โครงการ มูลค่า 3,300 ล้านบาท
และเมื่อรวมกับโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย (ongoing projects) จะทำให้ เอพี (ไทยแลนด์) เป็นที่สุดด้วยจำนวนโครงการมากที่สุดรวม 226 โครงการ ทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑลและทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย
“เราให้ความสำคัญในการพัฒนาแบบบ้านโมเดลใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกพื้นที่รองรับกับไลฟ์สไตล์ที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น รวมถึงการเลือกทำเลศักยภาพ ซึ่งเป็นจุดแข็งของเอพี” วิทการระบุ
เมื่อเจาะแต่ละกลุ่มธุรกิจจะพบกับไฮไลต์อยู่ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทาวน์โฮมแรกที่ลูกค้าสามารถปล่อยเช่าแยกชั้นได้ ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม Solo Living ที่ชอบใช้ชีวิตคนเดียว Mirth Model ทาวน์โฮม 2 ชั้นที่มาพร้อมกับ Duplex Space พื้นที่พิเศษที่เพิ่มมากขึ้น Xavier Model ทาวน์โฮม 3 ชั้นที่มากับคอนเซปต์บ้านเล่นระดับ หรือ Asher Model บ้านแฝดหน้ากว้างสุด 16.4 เมตร เป็นต้น
มีการเปิดตัว ‘Majestic Collection’ คอลเลกชันบ้านเดี่ยวระดับอัลตราลักชัวรี แบรนด์ The Palazzo และบ้านกลางกรุง ในเซกเมนต์ราคาประมาณ 50-100 ล้านบาทขึ้นไป หลังจากที่แข็งแรงมาแล้วในกลุ่มบ้าน 7-20 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ BEON (บีร์ออน) บ้านเดี่ยวโมเดิร์นสูง 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 614- 814 ตารางเมตร เจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัวขนาดใหญ่ โดยโครงการแรกจะอยู่แถวนวลจันทร์ ซึ่งพร้อมเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง
ด้านคอนโดมิเนียมที่มีคีย์ไฮไลต์ของปีกับ LIFE CONDO ที่มาพร้อมคอนเซปต์ใหม่มีการจัดสรรสเปซ ทั้งในมิติแนวตั้ง (Vertical) และแนวนอน (Horizontal) ทำพื้นที่ส่วนกลางที่ทำให้ธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของฟังก์ชันการใช้งานในชีวิตประจำวัน ตลอดจนเป็นมิตรกับทุกชีวิตที่อยู่อาศัยภายในโครงการ ครอบคลุมไปถึงการออกแบบที่อยู่อาศัยร่วมกันระหว่างมนุษย์และสัตว์เลี้ยง
โดย LIFE สาทร-นราธิวาส 22 คือ LIFE CONDO ในคอนเซปต์ใหม่ที่เตรียมเปิดตัวเป็นโครงการแรก ซึ่งมาในรูปแบบ Micro-Village in Inner City Concept สูง 8 ชั้น 2 อาคาร มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท จำนวน 416 ยูนิต ทำเลที่ตั้งอยู่ในซอยนราธิวาส 22
