บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 โดยระบุว่าบริษัทมีรายได้รวม (รวมโครงการร่วมทุน 100%) อยู่ที่ 33,368 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,025 ล้านบาท
รัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ ประธานฝ่ายบริหาร บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือน สะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่งและมั่นคง โดยเป็นผลมาจากการดำเนินงานในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
เมื่อพิจารณาเฉพาะผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2568 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทมีรายได้รวม 12,428 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และมีกำไรสุทธิ 1,155 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
ปัจจัยขับเคลื่อนผลงานในไตรมาส 3 มาจากทั้งกลุ่มธุรกิจแนวราบและคอนโดมิเนียม โดยกลุ่มธุรกิจแนวราบยังคงรักษาโมเมนตัมการโอนกรรมสิทธิ์ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากโครงการพร้อมเข้าอยู่เดิมและโครงการที่เปิดตัวใหม่ในช่วง 9 เดือนแรก โครงการที่สร้างมูลค่าการโอนสูงสุดได้แก่ CENTRO บางนา, CENTRO เทพารักษ์-ศรีนครินทร์, THE CITY กัลปพฤกษ์ และ THE PALAZZO ปิ่นเกล้า-บรมฯ
ขณะที่กลุ่มคอนโดมิเนียมร่วมทุน (JV) มีการเติบโตที่โดดเด่นเช่นกัน โดยได้รับแรงหนุนจากยอดรับรู้รายได้ (Backlog) ที่แข็งแกร่งของคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ 2 โครงการใหม่ ได้แก่ ASPIRE สุขุมวิท-พระราม 4 และ ASPIRE อ่อนนุช สเตชั่น ซึ่งยังคงรักษาโมเมนตัมการโอนกรรมสิทธิ์ได้ดีต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ ASPIRE อรุณ พรีเว่ ได้เสร็จสิ้นภายใน 4 เดือน หลังจากเริ่มโอนในเดือนพฤษภาคม 2568
ในส่วนของยอดขาย (Net Presales) ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-ตุลาคม) บริษัทสามารถสร้างยอดขายสุทธิรวมทั้งสิ้น 37,303 ล้านบาท โดยได้รับแรงส่งสำคัญจากไตรมาส 3 ที่มียอดขายสุทธิสูงถึง 12,472 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 9,997 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 2,475 ล้านบาท
สำหรับแผนงานในไตรมาสสุดท้ายของปี บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 22 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 24,000 ล้านบาท ส่งผลให้ภายในสิ้นปี 2568 เอพี ไทยแลนด์ จะมีโครงการพร้อมขายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวมมากกว่า 217 โครงการ


