วันนี้ (28 มีนาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารระหว่างก่อสร้างของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ที่พังถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อเวลา 13.20 น.
อนุทินระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งค้นหาผู้เสียชีวิตและผู้รอดชีวิต โดยได้รับแจ้งว่ามีผู้สูญหายกว่า 110 คน ขณะนี้สามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้แล้วประมาณ 13 คน และพบผู้เสียชีวิตที่พิสูจน์อัตลักษณ์แล้วจำนวน 5 ราย
เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตอีกหลายราย บางรายถูกโครงสร้างอาคารกดทับไว้ ยังไม่สามารถนำร่างออกมาได้ทันที เนื่องจากต้องใช้เทคนิคเฉพาะ หากเร่งดำเนินการอาจทำให้ซากอาคารเคลื่อนตัวและพังถล่มซ้ำได้ ซึ่งกระบวนการช่วยเหลือจำเป็นต้องใช้เวลา
อนุทินกล่าวว่า แผนปฏิบัติการต้องดำเนินการตลอดทั้งคืน ขณะนี้กำลังตรวจสอบข้อมูลผู้สูญหายจากทะเบียนที่ผู้รับเหมาก่อสร้างแจ้งไว้ และนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่ครอบครัวแจ้ง ซึ่งตัวเลขใกล้เคียงกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุเบื้องต้นของเหตุอาคารถล่ม อนุทินระบุว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เสาหลักด้านล่างของอาคารเกิดความเสียหาย ทำให้โครงสร้างไม่มีเสาค้ำยันที่มั่นคง จำเป็นต้องตรวจสอบรายละเอียดด้านการก่อสร้างและการออกแบบเพิ่มเติม
ในส่วนของคำสั่งการ อนุทินระบุว่า ไม่ได้มีคำสั่งพิเศษเพิ่มเติม เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยได้ใช้มาตรการสูงสุดในการให้ความช่วยเหลือ ทั้งการค้นหาผู้ประสบภัยและการจัดการกับผู้เสียชีวิต โดยได้ระดมเครื่องมือและทรัพยากรที่มีอย่างเต็มกำลัง
สำหรับอาคารอื่นๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งตรวจสอบ และยังไม่พบอาคารที่เข้าข่ายเสี่ยงต่อความปลอดภัย
อนุทินกล่าวเพิ่มเติมว่า ได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีให้กรมโยธาธิการและผังเมืองประสานกับสภาวิศวกร จัดทีมวิศวกรเข้าตรวจสอบอาคารสาธารณะที่มีประชาชนใช้บริการ เช่น สถานที่ราชการและอาคารขนส่งมวลชน เพื่อประเมินโครงสร้างว่ามีรอยร้าวหรือจุดเสี่ยงหรือไม่
สำหรับอาคารเอกชน คอนโดมิเนียม หรือสำนักงานต่างๆ จะขอความร่วมมือจากเจ้าของอาคารให้สำรวจความเสียหายด้วยตนเอง เบื้องต้นยังไม่พบโครงสร้างที่เสียหายจนเป็นอันตราย และสถานการณ์ยังอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้
ทั้งนี้ จังหวัดที่พบผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ เชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาคารสูงที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ได้รับผลกระทบได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัย และมีอำนาจเต็มในการใช้งบประมาณเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย