×

อนุทินคาด ภายในปี 2564 คนไทยได้ฉีดวัคซีนโควิดทะลุเป้า 70% พร้อมเร่งฉีดเข็ม 3 กระตุ้นภูมิคุ้มกัน

โดย THE STANDARD TEAM
19.10.2021
  • LOADING...
อนุทิน ชาญวีรกูล

วันนี้ (19 ตุลาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์โดยรวมของสถานการณ์การระบาดของโควิด ระบุว่า

 

ตอนนี้ต้องจับตามองการระบาดในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นการระบาดในครัวเรือนหรือในชุมชน ก็ต้องเข้าไปล้อมกรอบ จัดการแพร่กระจายออกนอกพื้นที่ ดูแลรักษากันในนั้น ภายใต้ระบบ Community Isolation ไปจนถึงการแยกไปรักษาที่โรงพยาบาลสนาม นอกจากนั้น ยังขอให้ผู้นำชุมชนสร้างความเข้าใจถึงเรื่องความจำเป็นของการรับวัคซีน ทางกระทรวงฯ ตั้งเป้าว่าภายในเดือนพฤศจิกายน สถานการณ์น่าจะคลี่คลาย เพราะสามารถฉีดวัคซีนได้ตามเป้า จะเห็นว่ายอดผู้ป่วยยังทรง ไม่เพิ่มไปจากเดิม ก็เพราะได้วัคซีนเข้ามาช่วย ตอนนี้ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ ได้รับวัคซีนไปแล้วกว่า 50% และในเดือนตุลาคมก็น่าจะได้ถึงตัวเลข 70% น่าจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ระดับป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ จากนั้นในเดือนพฤศจิกายนจะระดมฉีดเข็ม 2 ทันที ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อยังจะมีรายงานเข้ามา แต่ยอดการป่วยหนักและเสียชีวิตจะน้อยลงแน่นอน เพราะคุณสมบัติของวัคซีนคือป้องกันป่วยและป้องกันการสูญเสีย

 

ส่วนการตั้ง ศบค. ชายแดนใต้ ตนมองว่าเป็นการช่วยกันทำงาน เพราะการคุมโควิดก็ต้องบูรณาการงานระหว่างหลายภาคส่วน งานด้านความมั่นคงก็ต้องให้ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคงดูแลไป แต่เรื่องการรักษาโรค ต้องยกให้แพทย์ จะให้แพทย์ไปทำงานแบบโปลิศจับขโมยก็ไม่ได้ 

 

ในภาพรวมทั่วประเทศให้บริการวัคซีนได้มากกว่า 65 ล้านโดสแล้ว ถือว่าเร็วกว่าที่คาดกันเอาไว้ ส่วนหนึ่งเพราะเราฉีดกับเด็กด้วย จากที่ไม่มีแผนนี้ตั้งแต่แรก นอกจากนั้น วัคซีนก็เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ คาดว่าเราจะฉีดได้มากกว่าเป้าที่วางไว้ว่าจะฉีดให้ได้ 70% ของประชากร ซึ่งผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเห็นว่า เรามองเป้าที่ 80% ได้เลย เมื่อก่อนฉีดได้วันละ 6 แสนโดสก็เยี่ยมแล้ว ปัจจุบันบางวันสามารถฉีดได้แตะ 1 ล้านโดส วัคซีนเข้ามาต่อเนื่อง เราเร่งตรวจสอบ ส่งเข้าระบบบริการอย่างต่อเนื่อง การให้บริการรวดเร็ว แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามการพิจารณาของแพทย์ ต้องมีทั้งปริมาณและคุณภาพด้วย 

 

“ขอย้ำว่าประเทศไทยมีวัคซีนแล้ว มาจากหลากหลายเทคโนโลยี ในปีหน้าคาดว่าจะมีวัคซีนของไทยเข้าสู่ระบบบริการด้วย เพราะหลายทีมผู้ผลิตมีความคืบหน้าไปมาก อาทิ ทีมขององค์การเภสัชกรรมและทีมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเราไม่ได้วางแผนฉีดแค่ 2 เข็ม แต่เรามองไปถึงเข็มบูสเตอร์แล้ว ประสบการณ์ทำให้เรามีความรู้เรื่องวัคซีนและการจัดหามากขึ้น และขอยืนยัน ไทยจะจัดหาวัคซีนที่ดีและสอดคล้องกับสถานการณ์มากที่สุด ซึ่งคณะนักวิชาการของไทยเก่งมาก ท่านสามารถปรับการใช้วัคซีนให้สอดคล้องกับการระบาด เป็นที่มาของสูตรวัคซีน Sinovac และ AstraZeneca ในอนาคตจะมีการปรับอีกไปจนถึงการฉีดเข็ม 3 ไม่ว่าประชาชนจะฉีด 2 เข็ม เป็นสูตรไหนมา ประเทศไทยมีคณะศึกษาทำงาน คอยวัดภูมิคุ้มกัน ถ้าพบว่าภูมิตก จะนัดมาฉีดเข็ม 3 แน่นอน” อนุทินกล่าว

 

อนุทินกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องของยาและเวชภัณฑ์ ประเทศไทยมีแผนจะนำเข้ายาโมลนูพิราเวียร์ แต่ขอให้พิจารณาเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยก่อน ระหว่างนี้ไทยยังใช้ฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งไทยสามารถนำเข้าและผลิตได้เอง แล้วที่ผ่านมามีการปรับการให้ยาให้เร็วขึ้น เพื่อลดความสูญเสียที่เกิดกับผู้ป่วย

 

เรื่องการเปิดประเทศ คนที่เข้ามาไทยต้องฉีดวีคซีน ต้องมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน และต้องผ่านการ RT-PCR ว่าไม่ติดโรค โดยกำลังพิจารณาว่าถึงจะผ่านการตรวจด้วย RT-PCR แล้ว แต่เมื่อมาถึงไทยควรจะตรวจยืนยันอย่างไรต่อเพื่อให้เกิดความมั่นใจสูงที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม คืนแรกก็ต้องเฝ้าระวัง แต่ที่แน่ๆ คือมาตรการ ถ้าออกมาแล้วก็ต้องปฏิบัติตาม เช่นเดียวกับการเปิดผับบาร์ ยอมรับว่าเป็นห่วง ต้องมีมาตรการออกมาคอยดูแลประชาชนแน่นอน และขอให้เมื่อถึงวันนั้น ประชาชนโปรดให้ความร่วมมือด้วย 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising