×

อนุทิน แจงภาพร่วมเฟรม ‘เบน สมิธ’ เป็นภาพเก่า ปี 57 เอกนิติ ยืนยันไม่รู้จัก แค่ไปร่วมงานเลี้ยง

โดย THE STANDARD TEAM
04.12.2025
  • LOADING...
อนุทิน แจงภาพร่วมเฟรม ‘เบน สมิธ’ เป็นภาพเก่า ปี 57 เอกนิติ ยืนยันไม่รู้จัก แค่ไปร่วมงานเลี้ยง

หลังมีการเผยแพร่ภาพถ่ายที่ปรากฏ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึง เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อยู่ในเฟรมเดียวกับ เบน สมิธ ผู้ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีมติยึดและอายัดทรัพย์สินกว่า 9,000 ล้านบาท ล่าสุดทั้งสามบุคคลได้ออกมาชี้แจงยืนยันว่าเหตุการณ์ในภาพเป็น ‘ภาพเก่า’ และไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับพฤติกรรมทางกฎหมายของคู่กรณี

 

ขณะที่รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ของช่องสาม รายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา อนุทินให้สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์กับคุณสรยุทธ ยืนยันว่าภาพดังกล่าวถ่ายขึ้นตั้งแต่ปี 2557 ช่วงหลังรัฐประหาร ระหว่างการเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ โดยเป็นเพียงการพบกันในโอกาสทั่วไป ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยหรือมีความสัมพันธ์เชิงคบหา พร้อมมองว่าการนำภาพออกมาเผยแพร่ในช่วงที่ ปปง. มีคำสั่งอายัดทรัพย์เครือข่ายเบน สมิธ เป็นความตั้งใจทางการเมืองบางอย่าง นอกจากนี้ยังย้ำว่า ตนไม่เคยอนุญาตให้สัญชาติไทย กับเบน สมิธ ตามที่มีการตั้งข้อสงสัย

 

ด้านสารัชถ์ รัตนาวะดี ซีอีโอกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ชี้แจงสอดคล้องกันว่าเป็นภาพจากงานที่สิงคโปร์ในปี 2557 เช่นเดียวกัน และไม่มีความสนิทสนมหรือความเกี่ยวข้องใดกับเบน สมิธ

 

ขณะที่สำนักข่าวอิศรา รายงานโดยมีรายละเอียดระบุว่า เอกนิติ ได้เปิดเผยถึงเหตุการณ์ในภาพเกิดขึ้นเมื่อราว 5 ปีก่อน ก่อนช่วงการระบาดของโควิด ขณะไปทำหน้าที่อาจารย์หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเป็นงานเลี้ยงที่มีผู้เข้าร่วมจากหลายวงการ และมีการเข้ามาขอแลกนามบัตรเท่านั้น หลังจากนั้นไม่มีการติดต่อใดๆ ต่ออีก พร้อมยืนยันต่อสำนักข่าวอิศราว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของกลุ่มบุคคลที่ถูกดำเนินคดี และสนับสนุนให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

 

สำหรับภาพถ่ายดังกล่าวกำลังถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นในโลกออนไลน์อีกครั้ง กลายเป็นประเด็นทางการเมืองและสังคม ท่ามกลางการขยายผลคดีฟอกเงินมูลค่าหลายพันล้านบาทที่กำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากสาธารณะ

 

อ้างอิง:

  • สำนักข่าวอิศรา
  • เรื่องเล่าเช้านี้
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising