วันนี้ (27 มกราคม) เวลา 08.30 น. อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) พร้อมด้วย อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, คณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย, ผู้ว่าราชการจังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือ และ พล.ต. ชายแดน กฤษณสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 3 เดินทางถึงลานจอดเฮลิคอปเตอร์ โรงเรียนบ้านเนินวิทยา ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัด เชียงใหม่ และเดินทางต่อไปยังสหกรณ์การเกษตรแม่แจ่ม จำกัด
เมื่อเดินทางถึง อนุทินได้มอบนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าให้กับเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า สิงห์ไฟ กรมการปกครอง เสือไฟ เหยี่ยวไฟ และอาสาสมัครภาคประชาชน พร้อมพบปะผู้นำชุมชน เกษตรกร และประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งเยี่ยมชมการทำกิจกรรมทำปุ๋ย อาหารสัตว์ และเปลือกข้าวโพดอัดก้อน
อนุทินกล่าวว่า วันนี้ตนนำความห่วงใยของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มายังพี่น้องประชาชนชาวแม่แจ่มและชาวเชียงใหม่ โดยนายกรัฐมนตรียืนยันจะให้การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ จะร่วมกับทุกภาคส่วนมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โดยนายกรัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด เข้มงวด และเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่าย
“วันนี้เราต้องการมาแสดงพลังให้เห็นว่าปัญหาหมอกควัน โดยเฉพาะจากการเผาไหม้เศษซากพืชผลทางการเกษตร เป็นปัญหาระดับชาติที่ต้องร่วมกันแก้ไข ทั้งฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานทุกภาคส่วน ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และพี่น้องอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ต้องร่วมกันในการปฏิบัติการป้องกันการเผา ปัญหาหมอกควันไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ แต่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ที่อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพียงเพราะต้องการเร่งรีบให้เกิดผลผลิตจากการเกษตรให้เร็ว เกิดรายได้จำนวนหนึ่ง แต่กลับสร้างมลภาวะทางอากาศ ฝุ่นพิษ ควันพิษ กระทบต่อสุขภาพร่างกายของประชาชนเอง และกระทบต่อการท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่ภาคเหนือและทั่วประเทศ” อนุทินกล่าว
อนุทินกล่าวต่อว่า เราจะให้ประเทศไทยมีภาวะภัยพิบัติตลอดปีไม่ได้ ต้นปีก็เจอฝุ่นละอองและหมอกควันไฟป่า เดือนเมษายนก็เจอภัยแล้ง กลางปีก็เจอน้ำท่วม พอสิ้นปีก็เจอภัยหนาว แต่ต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันและรับมือภัยธรรมชาติที่อาจส่งผลระดับหนึ่ง โดยพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนมีส่วนทำให้มีความรุนแรงขึ้น และเมื่อเกิดภัยขึ้น ใช้งบประมาณมากเพียงใดก็ไม่พอ ดังนั้นเราต้องปรับปรุงพฤติกรรมของเราให้เกิดสิ่งที่ดีต่อจังหวัดและประเทศของเรา
“ทุกจังหวัดอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยในฐานะกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ นายอำเภอต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและร่วมกันระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วน ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดอีกกลไกหนึ่งคือกลไกกำนันผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะท่านคือผู้ที่มีความสัมพันธ์กับชาวบ้านโดยตรง ต้องประกาศห้ามเผาในที่โล่ง ห้ามเผาอย่างเด็ดขาด เราต้องช่วยกันหาวิธีการที่จะช่วยทำให้เกิดมลภาวะน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยการไถกลบฟางข้าวโพด ‘เปลี่ยนตอซังข้าวโพดเป็นนางกวัก’ ให้เขามาเจอธรรมชาติแบบนี้ อากาศแบบนี้ เราต้องร่วมกันกวักเงิน กวักทอง กวักนักท่องเที่ยวให้มาช่วย ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยหรือชาวต่างประเทศก็ล้วนแล้วแต่เข้ามาทำประโยชน์ให้กับพวกเรา” อนุทินกล่าว
สำหรับคณะผู้บริหารระดับสูงที่ร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้ ประกอบด้วย ขจร ศรีชวโนทัย และ เชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย, พรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน, สยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน, ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง, ภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, นฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น, พงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง, นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และคณะผู้ว่าราชการจังหวัดภาคเหนือรวม 17 จังหวัด