เมื่อวานนี้ (31 ก.ค.) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าของนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ว่า เป็นลำดับแรกของนโยบายกัญชาเสรี ที่ต้องนำมาใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยก่อน โดยระบุว่า นับจากนี้ภายใน 5-6 เดือน ภาครัฐจะผลิตสารสกัดจากกัญชาประมาณ 1 ล้านขวด ขวดละไม่เกิน 5 ซีซี ส่งมอบให้กับโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ไว้ใช้กับผู้ป่วยที่เข้าร่วมโครงการ หากผลการใช้เป็นที่น่าพอใจ จะนำไปสู่การผลิตในปริมาณที่เพิ่มขึ้น และใช้อย่างกว้างขวาง เมื่อทางการแพทย์ยอมรับ จะนำไปสู่การพัฒนาในขั้นต่อไป
“นโยบายมีความคืบหน้าแน่นอน ภาครัฐทยอยให้หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ทดลองปลูกและวิจัยมากขึ้นเรื่อยๆ ที่โรงพยาบาลอภัยภูเบศรก็ทำการทดลองเรื่องนี้ หน่วยงานอื่นก็เช่นกัน เพราะเราต้องการผลการวิจัยที่ยืนยันได้ว่ากัญชามีประโยชน์ทางการแพทย์ จะได้เดินหน้าขั้นตอนอื่นๆ”
โดยอนุทินกล่าวถึงกรณีการรับรองหมอพื้นบ้านว่า เป็นอีกเรื่องที่ยืนยันว่ากำลังเร่งผลักดันนโยบาย จากนี้เมื่อหมอพื้นบ้านได้รับการรับรอง ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในเร็ววัน หมอพื้นบ้านที่มีสูตรยาซึ่งมีส่วนผสมทางกัญชาก็สามารถใช้รักษาคนได้ เป็นทางเลือกให้ผู้ป่วย
เมื่อถามถึงกรณีหากกัญชาได้รับความนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย จะควบคุมผลข้างเคียงจากการใช้อย่างไร อนุทินตอบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการใช้อย่างไม่มีความรู้ เอาของใต้ดินซึ่งไม่รู้กรรมวิธีมาใช้ ภาครัฐก็ต้องทำความเข้าใจกับประชาชน
ส่วนความกังวลเรื่องต่างชาติจะมาใช้พื้นที่ในประเทศไทยปลูกกัญชาจำหน่าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า กัญชาไทยต้องปลูกโดยคนไทย และให้คนไทยเป็นผู้ขายเท่านั้น แต่ถ้าต่างชาติมารับซื้อของไทย เอาเงินมาให้คนไทย แบบนั้นไม่ปิดกั้น เพราะอย่างไรก็ตามประโยชน์ของคนไทยต้องมาก่อน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: