วันนี้ (9 พฤษภาคม) อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พร้อมด้วย สิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการ พศ. ร่วมกันแถลงข่าวกรณีมีข่าวเกี่ยวกับพระสงฆ์ที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมและสร้างความเสื่อมเสียหลายกรณีในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา
โดยอนุชากล่าวว่า มหาเถรสมาคม และ พศ. ไม่ได้นิ่งนอนใจกับประเด็นที่เกิดขึ้นในสังคม และได้นำเรื่องนี้ร่วมหารือในที่ประชุมมหาเถรสมาคม และมีมติมหาเถรสมาคม ที่ 391/2565 เรื่องพระภิกษุมีจริยวัตรไม่เหมาะสม ประพฤติตนไม่เอื้อต่อพระธรรมวินัย โดยทาง พศ. เห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากความไม่เข้มงวดกวดขันและตรวจตราพระภิกษุในปกครองอย่างเคร่งครัดของเจ้าคณะปกครองแต่ละระดับ โดยเฉพาะเจ้าคณะปกครองใกล้ชิด การที่จะทำให้ปัญหาต่างๆ นี้ยุติลง หรือป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้ เจ้าคณะปกครองทุกระดับต้องให้ความสำคัญและเข้มงวดกวดขันในการตรวจตราพระภิกษุในบังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด
พร้อมกันนี้ที่ประชุมหาเถรสมาคมมีมติกำหนดให้เจ้าคณะผู้ปกครองทุกระดับทราบและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ดังนี้
- กำชับให้พระอุปัชฌาย์ปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคม และต้องเข้มงวดในการคัดกรองบุคคลที่จะเข้ามาบรรพชาอุปสมบทอย่างเคร่งครัด
- กำชับให้เจ้าอาวาส ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด ควบคุมบังคับบัญชาพระภิกษุสามเณรในปกครองประพฤติตามพระธรรมวินัย กฎหมาย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ และมติของมหาเถรสมาคมอย่างเคร่งครัด
- กำชับให้เจ้าคณะผู้ปกครองในแต่ละระดับตรวจตราพระภิกษุผู้อยู่ในปกครองในแต่ละระดับ ประพฤติให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากพบเห็นหรือทราบข่าวเกี่ยวกับพฤติการณ์พระภิกษุในปกครองที่ไม่เหมาะสม ให้ดำเนินการแก้ปัญหาให้ยุติโดยเร็ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดและกิจกรรมต่างๆ มีการดำเนินการอย่างไรบ้างนั้น สิปป์บวรกล่าวว่า การจัดทำบัญชีของวัดปัจจุบันได้จัดทำบัญชีพื้นฐานเพียงเรื่องของรายรับและรายจ่าย ซึ่งที่ผ่านมาได้ประสานความร่วมมือกับเจ้าคณะผู้ปกครองให้รายงานสถานะทางการเงินของวัดมายัง พศ. อยู่เสมอ
เมื่อถามถึงกรณี พงศกร จันทร์แก้ว หรืออดีตพระกาโตะ มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นมีความคืบหน้าอย่างไร
อนุชากล่าวว่า ในส่วนนี้การสอบสวนมีหลายขั้นตอน ทางพระผู้ปกครองและฝ่ายบ้านเมืองได้สอบอย่างจริงจังเข้มงวด ยืนยันว่าไม่มีการช่วยเหลือกันอย่างแน่นอน โดยทางองค์กรสงฆ์ได้ทำหน้าที่ของพระฝ่ายปกครองอย่างเต็มที่ แม้กระทั่งการกำหนดขั้นตอนในส่วนของการปาราชิกให้มีผลย้อนหลังไปก่อนที่อดีตพระกาโตะจะสึก ซึ่งจะขาดตั้งแต่ที่ได้กระทำความผิดพระวินัย ทั้งนี้ผลสอบอย่างเป็นทางการไม่ได้มีการขีดเส้นตาย เพราะมีรายละเอียดเรื่องของบัญชีต่างๆ คงต้องรอรายละเอียดที่ชัดเจนอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของสังคม
ด้านสิปป์บวรกล่าวเสริมว่า กรณีการตรวจสอบอดีตพระกาโตะ ตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบอย่างละเอียด ต้องทำอย่างรอบคอบ อาจจะช้าไปบ้าง ส่วนเรื่องการปาราชิกจะเกิดขึ้นตั้งแต่มีการเสพเมถุนตั้งแต่บนสันเขื่อน ซึ่งจะทำให้อดีตพระกาโตะไม่สามารถกลับมาบวชได้ตลอดชีวิต