แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว CNN กรณีการแถลงนโยบายของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยชี้ถึงประเด็นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ลุกลามจากจีนก่อนแพร่ระบาดไปทั่วโลกว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่ดำเนินการลงโทษจีนต่อกรณีการรับมือสถานการณ์แพร่ระบาดที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่าจะเน้นความสำคัญไปที่การวางแผนเพื่อบรรเทาโรคระบาดอื่นๆ ในอนาคต
บลินเคนซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ NATO และพบปะกับเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปที่กรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของเบลเยียม แสดงความเห็นยืนยันท่าทีของรัฐบาลไบเดนที่แตกต่างไปจากรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเรียกโควิด-19 ว่า ‘ไวรัสอู่ฮั่น’ หรือ ‘ไวรัสจีน’ และต้องการให้จีนนั้นถูกลงโทษ
ซึ่งแม้บลินเคนจะมองว่า มีความจำเป็นที่ต้องมีการรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต และสะท้อนมุมมองเจ้าหน้าที่รัฐบาลไบเดนอีกหลายคน ที่เห็นว่าจีนต้องแสดงความโปร่งใสเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงปี 2019 แต่เขาย้ำว่าสิ่งที่ควรมุ่งเน้นคือการสร้างระบบที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อรับมือโรคระบาดในอนาคต
“ผมคิดว่าปัญหาสำหรับเราคือแน่ใจว่าเราทำทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคระบาดใหญ่ขึ้นอีก แม้ว่าเรากำลังดำเนินการเพื่อผ่านพ้นการแพร่ระบาดในครั้งนี้ หรืออย่างน้อยที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถบรรเทาความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นด้วยวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม หากมีบางอย่างเกิดขึ้นในอนาคต” บลินเคนกล่าว
ทั้งนี้ หนึ่งในภารกิจแรกๆ ของไบเดนในฐานะประธานาธิบดี คือการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งรัฐบาลทรัมป์ได้เริ่มกระบวนการเพื่อถอนสหรัฐฯ ออกจากการเป็นสมาชิก WHO อย่างเป็นทางการ ตลอดจนหั่นงบประมาณสนับสนุนและตำหนิการทำงานของ WHO อย่างรุนแรง
ซึ่งบลินเคนระบุว่า การเริ่มต้นเตรียมพร้อมรับมือกับโรคระบาดรุนแรงอื่นๆ ในอนาคตนั้น สิ่งสำคัญที่ต้องทำอย่างหนึ่งคือการแน่ใจว่ามีระบบรับมือที่พร้อมใช้งาน ซึ่งรวมถึงการทำงานร่วมกับ WHO ที่มีคุณสมบัติสำคัญคือความโปร่งใส การแบ่งปันข้อมูล และสามารถเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศ
อย่างไรก็ตาม บลินเคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับวิธีการและขั้นตอนการทำงาน เบื้องหลังการสืบสวนต้นตอโควิด-19 ของ WHO ที่คาดว่าจะมีการเปิดเผยรายงานสรุปได้ในอีกไม่กี่วันนี้
ซึ่งบลินเคนกังวลต่อข้อเท็จจริงที่ว่า รัฐบาลปักกิ่งให้ความช่วยเหลือในการเขียนรายงานของ WHO ฉบับนี้ ขณะที่ทีมสืบสวนของ WHO ที่เดินทางไปยังอู่ฮั่นก่อนหน้านี้ยังเปิดเผยว่า ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลดิบที่เกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในอู่ฮั่น
นอกจากนี้บลินเคนยังให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลวอชิงตันและปักกิ่ง ซึ่งเขาให้คำนิยามว่าเป็นความสัมพันธ์แบบ ‘หลายแง่มุม’ ทั้งในมุมของการเป็นคู่ขัดแย้ง การแข่งขัน และการทำงานร่วมกัน พร้อมย้ำความสำคัญในการร่วมมือกับชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นจากจีน
ภาพ: Olivier Hoslet / Pool / Anadolu Agency via Getty Images
พิสูจน์อักษร: ชฎานิสภ์ นุ้ยฉิม
อ้างอิง: