อันซู ฟาติ จาก ‘นิวเมสซี’ สู่นักเตะที่บาร์เซโลนาไม่ต้องการ?

ครั้งหนึ่ง อันซู ฟาติ คือ ‘The Next Big Thing’ ในความรู้สึกของใครหลายคน

ด้วยพรสวรรค์ในการเล่นที่ฟ้ามอบให้เป็นของขวัญติดตัวมา ฟาติสร้างชื่อเสียงอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่แจ้งเกิดในปี 2019 เป็นผลงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อสำหรับเด็กที่ยังอยู่ในวัยมัธยม ผลงานของเขาดียิ่งกว่า ลิโอเนล เมสซี ในช่วงที่เริ่มต้นแจ้งเกิดใหม่ๆ เสียอีก

นั่นทำให้ไม่เพียงแต่บาร์เซโลนาที่เปี่ยมไปด้วยความหวังว่า ลา มาเซีย ได้ค้นพบอัญมณีดวงใหม่ที่จะมาแทนราชาลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ จนถึงขั้นที่มอบเสื้อหมายเลข 10 ของเมสซีผู้จากสโมสรไปในปี 2021 ให้เพื่อเป็นการบ่งบอกทางอ้อมว่าเขาคือความหวังใหม่ของทีมในอนาคต

แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่หวัง

วันนี้ฟาติถูกปล่อยตัวออกมาให้ไบรท์ตันแอนด์โฮฟอัลเบียนยืมใช้งานเป็นเวลา 1 ฤดูกาลด้วยกัน ซึ่งแม้จะไม่มีการผูกมัดถึงการย้ายทีมถาวรในอนาคต แต่เรื่องนี้ก็เป็นการบอกแบบอ้อมๆ เหมือนกันว่าไอ้หนูวัย 20 ปีคนนี้ไม่ได้เป็นคนที่สโมสรต้องการอีกต่อไป

เกิดอะไรขึ้นกับเด็กมหัศจรรย์คนนี้? มีอะไรที่ผิดหรือพลาดตรงไหน?

บิดเข็มนาฬิกาย้อนเวลากลับไปในวันที่ 25 สิงหาคม 2019 วันนั้นบาร์เซโลนาลงสนามพบกับเรอัล เบติส ที่คัมป์นู โดยมีปัญหาใหญ่ยิ่ง

หลุยส์ ซัวเรซ และ ลิโอเนล เมสซี มีปัญหาอาการบาดเจ็บไม่สามารถลงสนามได้ และนั่นทำให้ทีมจำเป็นต้องดันฟาติ กองหน้าดาวรุ่งที่เดิมมีแผนจะอยู่ในทีมชุดบีสำหรับฤดูกาล 2019/20 เพื่อสะสมประสบการณ์ก่อน แต่ต้องขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่แทน

ฟาติได้โอกาสในการลงเล่นในเกมดังกล่าวโดยเปลี่ยนตัวลงมาแทนที่ของ อองตวน กรีซมันน์ และกลายเป็นเจ้าของสถิตินักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นให้ทีมเบลากรานาด้วยวัย 16 ปีกับอีก 298 วัน (ในขณะนั้น)

อีก 6 วันหลังจากนั้นฟาติก็กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้บาร์เซโลนาได้ในเกมที่เสมอกับโอซาซูนา 2-2 ก่อนจะได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงครั้งแรกในอีก 2 สัปดาห์ถัดมาโดยทำผลงานได้โดดเด่น ใช้เวลาแค่ 7 นาทีทำได้ทั้งประตูและแอสซิสต์ในเกมที่บาร์ซาถล่มบาเลนเซีย 5-2

ก่อนที่เขาจะทำลายสถิติอีกมากมาย และได้รับการเรียกตัวติดทีมชาติสเปนในอีก 1 ปีถัดมา และกลายเป็นเจ้าของสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดของทีม ‘La Roja’ เมื่อได้โอกาสลงเล่นในเกมที่พบกับยูเครนในวันที่ 6 กันยายน 2020

ทุกอย่างมันดูสวยงามไปหมดสำหรับฟาติ

แต่ช่วงเวลาที่งดงามก็จบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ฝันร้ายของเขาเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2020 เมื่อเกิดบาดเจ็บเข่าซ้ายบิดในเกมที่พบกับเรอัล เบติส ซึ่งตอนแรกเหมือนจะไม่เป็นอะไรมาก แต่สุดท้ายพบว่าหมอนรองกระดูกเกิดได้รับความเสียหายขึ้นมา

อาการบาดเจ็บนี้ถึงจะรุนแรงพอสมควร แต่สำหรับนักฟุตบอลที่อายุน้อยการจะหายกลับมาอย่างรวดเร็วและสมบูรณ์ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้

จุดพลิกผันอยู่ที่การตัดสินใจรักษาฟาติ ซึ่งปกติแล้วในกรณีแบบนี้ควรจะมีการผ่าตัดเปลี่ยนทั้งหมด แต่แพทย์กลับเลือกที่จะเย็บส่วนที่ขาดเข้าด้วยกัน

ก่อนที่จะมีข่าวว่าบาร์ซาได้พยายามเร่งให้ฟาติหายกลับมาโดยเร่งกระบวนการฟื้นฟูร่างกายเป็น 2 เท่า

ผลสุดท้ายคือเข่าของเขาเกิดติดเชื้อ และหลังจากที่หายจากการติดเชื้อในช่วงต้นปี 2021 ก็พบว่าส่วนที่เย็บติดกันไว้ไม่ช่วยให้หายจากอาการบาดเจ็บได้ขาด สุดท้ายก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดใหม่อีกรอบอีกครั้ง และก็นำไปสู่ความยุ่งยากครั้งที่ 2

เพราะทางเลือกที่ควรจะทำคือการผ่าเอาหมอนรองกระดูกออกไปทั้งหมด แต่ด้วยความกังวลเรื่องปัญหาอาการบาดเจ็บระยะยาวฟาติไม่ขอทำตามคำแนะนำของสโมสร เขาขอให้แพทย์เย็บติดเข้าด้วยกันเป็นครั้งที่ 2 ด้วยความหวังว่ามันจะดีขึ้น

แต่สุดท้ายมันยังไม่ดีขึ้นและต้องเข้ารับผ่าตัดซ้ำอีกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยให้หายจากการบาดเจ็บ สุดท้ายเขาขอเปลี่ยนตัวศัลยแพทย์ที่ทำการผ่าตัด 3 ครั้งแล้วล้มเหลว และเดิมพันกับการผ่าตัดครั้งที่ 4 ซึ่งคราวนี้เขายอมทำตามคำแนะนำจากทุกฝ่ายด้วยการเอาหมอนรองกระดูกออกไปทั้งหมด แต่นั่นหมายถึงการที่เขาต้องระมัดระวังเข่าของเขาอย่างดี รวมถึงสร้างกล้ามเนื้อรอบหัวเข่าเพื่อหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บในอนาคต

สรุปแล้วเด็กอายุแค่ 18 ปีต้องผ่าตัดเข่าถึง 4 ครั้งในระยะเวลาห่างกันแค่ 6 เดือน

ผลของการเดิมพันครั้งนี้ออกมาดี ฟาติค่อยๆ ฟื้นตัวและกลับมาลงสนามให้บาร์ซาได้อีกครั้งในอีก 4 เดือนถัดมา โดยระหว่างนั้นเขาได้รับมอบเสื้อหมายเลข 10 ที่เคยเป็นของเมสซีที่อำลาทีมหลังหมดสัญญาและไม่สามารถเซ็นสัญญาใหม่ได้ ก่อนจะต่อสัญญายาวในเดือนตุลาคม โดยได้รับค่าเหนื่อยสูงถึงสัปดาห์ละ 200,000 ยูโรต่อสัปดาห์ และมีการระบุค่าปลดสัญญาเอาไว้สูงถึง 1 พันล้านยูโร

ใน 6 นัดแรกหลังกลับมาฟาติทำได้ 2 ประตู ซึ่งทุกอย่างเหมือนน่าจะดีขึ้น แต่ในเวลาไม่นานก็เกิดบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อต้นขาขึ้นมา ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์เคยเตือนเอาไว้ว่าอาจจะเกิดขึ้นได้หากไม่มีหมอนรองกระดูกแล้ว อาการบาดเจ็บครั้งนี้ทำให้เขาต้องพักการเล่นนานถึง 2 เดือนด้วยกัน

และหลังจากนั้นก็มีอาการบาดเจ็บตามรังควานเรื่อยๆ ทำให้ยังไม่สามารถกลับมาปักหลักยืนระยะได้เหมือนเดิม แม้ว่าในหลายครั้งของการกลับมาจะทำได้ดีก็ตาม

อย่างไรก็ดีจุดเริ่มต้นของจุดจบเกิดขึ้นหลังจากเริ่มฤดูกาล 2022/23 เมื่อโอกาสในการลงสนามของเขาน้อยลงเรื่อยๆ เพราะติดด่าน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี หรือ ราฟินญา ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมและทำผลงานได้ดีกว่า แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะลดน้อยลงก็ตาม

ก่อนที่จะเกิดรอยร้าวแรกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเมื่อ บอริ พ่อของเขาซึ่งเป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพด้วย ออกมาให้ความเห็นว่าลูกชายของเขาแทบไม่ได้รับโอกาสจาก ชาบี เอร์นานเดซ เลย และอยากให้ลูกชายย้ายออกจากบาร์ซา

ไปจนถึงอยากให้ฟาติพิจารณาโอกาสในการย้ายไปเล่นให้เรอัล มาดริด คู่ปรับตลอดกาลที่มีข่าวให้ความสนใจในตัวเขาเวลานั้นด้วย

สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปเมื่อเข้าช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา เมื่อบาร์ซาประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก แต่ยังต้องการที่จะปรับทัพเสริมทีมเพื่อป้องกันแชมป์ลาลีกา รวมถึงกลับมาสร้างชื่อในแชมเปียนส์ลีกอีกครั้ง

นั่นหมายถึงการที่ต้องผ่องถ่ายนักเตะที่ไม่จำเป็นบางรายออกจากทีม

และชื่อของ อันซู ฟาติ เป็นหนึ่งในนักเตะที่บาร์ซาพร้อมจะสละหากได้ทุนรอนกลับมา

มันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่บาร์ซาค้นพบเพชรเม็ดงามอีกคนอย่าง ลามีน ยามาล ไอ้หนูมหัศจรรย์วัย 16 ปีที่เขย่าวงการฟุตบอลสเปนอย่างดุดัน และแทรกตัวเข้ามาในทีมบาร์ซาได้อย่างงดงาม ที่ไม่ต่างอะไรจากสิ่งที่ฟาติเคยทำได้เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้

ในเวลาที่แสงส่องลงมาหายามาล ฟาติทำได้แค่เพียงนั่งอยู่ในเงามืดบนซุ้มม้านั่งสำรองของบาร์ซา

มันค่อนข้างชัดเจนว่านักฟุตบอลที่ครั้งหนึ่งได้รับการยกย่องว่าจะเป็นทายาทของ ลิโอเนล เมสซี ผู้ยิ่งใหญ่ กลายเป็นคนที่บาร์เซโลนาไม่ต้องการอีกต่อไปแล้ว เขากลายเป็นปัญหาที่สโมสรต้องจัดการ เพราะเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดของสโมสร สวนทางกับความสำคัญที่ลดน้อยลงไป

และเจ้าตัวเองก็ไม่มีความสุขแล้วเช่นกันในคัมป์นู

มีรายงานว่าหลังจบเกมลาลีกานัดล่าสุดที่บาร์ซาเฉือนชนะบียาร์เรอัลได้ 4-3 ฟาติร้องไห้กลับบ้านเพราะไม่ได้โอกาสในการลงสนามมากอย่างที่เขาต้องการ และคิดถึงการย้ายออกจากทีม

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเขายังถูกโยงเข้ากับข่าวการย้ายทีมของ ชูเอา เฟลิกซ์ กองหน้าดาวรุ่งมหัศจรรย์ชาวโปรตุเกสที่ต้องการย้ายมาบาร์เซโลนา ซึ่งการย้ายทีมจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อฟาติย้ายออกจากทีมก่อนเท่านั้น

โดยที่เบื้องหลังแล้วทั้งฟาติและเฟลิกซ์ต่างก็ใช้บริการของ จอร์จ เมนเดส ซูเปอร์เอเจนต์ลูกหนังคนเดียวกัน ซึ่งเมนเดสเป็นคนที่มีส่วนในการกำหนดทิศทางในการย้ายทีมครั้งนี้

ในวันพุธที่ผ่านมา (30 สิงหาคม) มีกระแสข่าวแรงขึ้นว่าท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สนใจอยากได้ตัวฟาติไปร่วมทีม แต่เจ้าตัวอยากไปทีมที่ใหญ่กว่าอย่างเชลซีหรือลิเวอร์พูล

แต่ระหว่างที่ทั้ง 3 ทีมยังสงวนท่าที สุดท้ายเป็นไบรท์ตันที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาอย่างจริงจังโดยขอยืมตัวเป็นเวลา 1 ฤดูกาล จ่ายค่าเหนื่อยแทนบาร์ซาเกือบทั้งหมด และไม่มีออปชันในการซื้อตัวถาวร ซึ่งเป็นดีลที่ลงตัวสำหรับทุกฝ่าย

ไบรท์ตันได้เด็กมหัศจรรย์เอามาปั้นและอาจจะยกระดับทีมที่กำลังจะต้องลงสนามในศึกสโมสรยุโรปฤดูกาลนี้

บาร์เซโลนาปล่อยตัวปัญหาของทีมออกไป ไม่ต้องจ่ายค่าเหนื่อยเต็มๆ และยังเผื่อว่าฟาติจะกลับมาคืนฟอร์มที่ดีอีกครั้ง เป็น Hot Prospect ที่สโมสรจะมีทางเลือกทั้งเก็บไว้ใช้งานเองในอนาคต หรือขายได้เงินก้อนใหญ่ในฤดูกาลหน้า

และสำหรับฟาติ เขาจะได้โอกาสที่เขาต้องการ ได้รับการดูแลที่เหมาะสมในมือของ โรแบร์โต เด แซร์บี และอยู่ในสโมสรที่สภาพแวดล้อมดีอย่างไบรท์ตัน

ที่เหลือก็อยู่กับตัวของเขาเองแล้วว่าจะกลับมาเป็นคนเดิมที่เคยเป็นความหวังของทุกคนได้อีกครั้งหรือไม่

อ้างอิง:

• https://www.goal.com/en/lists/fall-ansu-fati-next-lionel-messi-barcelona-outcast/blt16a2c37fa75f943d#cs7c830df239b8e49d
• https://www.forbes.com/sites/tomsanderson/2023/01/10/ansu-fati-has-become-a-problem-for-the-fc-barcelona-locker-roomreports/?sh=5e6b05757a91
• https://www.sport.es/en/news/barca/ansu-fatis-selling-price-is-a-problem-for-barcelona-84936414