วันนี้ (16 เมษายน) ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย พร้อมกับ หทัยรัตน์ ธนากิจอำนวย หรือ แอนนา ภรรยา ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีที่ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ได้ร่วมกันแถลงข่าวที่บ้านพักส่วนตัว โดยแอนนาระบุว่า ตนขอถอนตัวจากการเป็นผู้สมัครลงชิงตำแหน่งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ในเขตสวนหลวง เพื่อไม่ให้เบี่ยงเบนไปเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการเมือง และอยากให้มุ่งเน้นไปที่คดีข่มขืนและอนาจารของ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มากกว่า ทั้งนี้ ตนได้แจ้งทางพรรคแล้ว ว่าเหตุผลไม่อยากให้เป็นประเด็นเรื่องการเมือง และตนเองคงไม่ได้ภูมิใจหากได้คะแนนล้นหลาม แต่มาจากคดีที่โดนข่มขืน มากกว่าการใช้ความสามารถ
ขณะที่ธนัตถ์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า จริงๆ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ได้มีระเบียบให้มีการถอนตัวออกจากการเป็นผู้สมัคร แต่โดยหลักปฏิบัติแล้ว ถ้าจะถอนตัวก็แค่ยุติการหาเสียง และหลักปฏิบัติทางการเมือง การแถลงข่าวก็ถือว่าเป็นที่สุดเช่นกัน แม้วันเลือกตั้งอาจจะยังมีเบอร์ 2 ให้เลือกกา แต่ถ้ากาไปก็ขอให้ทุกท่านทราบว่า หทัยรัตน์ได้ถอนตัวออกจากการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว และถ้ามีการกาผิดเยอะจนชนะ ก็จะปฏิเสธตำแหน่งนี้เช่นกัน เพราะภรรยาต้องการที่จะมุ่งมั่นต่อสู้ในคดีนี้จนถึงที่สุด และคงไม่มีเวลาไปหาเสียงด้วย ซึ่งก็ถือว่าคงไม่เป็นธรรมต่อการเลือกตั้งถ้าลงสมัครแล้วไม่หาเสียง และไม่ต้องการได้รับอานิสงส์ทางการเมืองจากเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะมาจากตัวคะแนนนิยมหรือคะแนนเลือกตั้ง หลังจากนี้ก็คงจะเก็บป้ายหาเสียงต่อไป
นอกจากนี้ ธนัตถ์และหทัยรัตน์ยังพูดถึงประเด็นล่าสุดที่ทราบว่าฝั่งของปริญญ์ได้ยื่นข้อเสนอให้ผู้เสียหายแล้วว่าให้เงียบ แต่ไม่ทราบว่าจำนวนเท่าไร เพราะไม่ได้เสนอให้กับตนเอง และตนเองไม่รับแน่นอน และไม่มีการไกล่เกลี่ย
หทัยรัตน์ยืนยันว่า ไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งก็หวังว่าการออกมาเปิดหน้าต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ เพราะถ้าไม่ใช่ตนเองแล้ว ก็คงไม่มีใครแล้วที่จะต่อสู้เรื่องนี้ในฐานะเหยื่อ และมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรปล่อยผ่าน อย่าปล่อยให้ไปเฉยๆ แต่จงออกมาเรียกร้องความยุติธรรมในเรื่องนี้ อย่าเอาชีวิตจิตใจและความสุขไปแลก ทั้งนี้ อยากให้กระบวนการความยุติธรรม และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ช่วยทำให้ประชาชนได้เห็นว่าความความยุติธรรมมันอยู่จริง
ส่วนการเลือกปฏิบัติคงไม่กังวล เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันคงต้องเกิดขึ้น โดยพรุ่งนี้ไม่อยากให้ศาลอนุญาตให้ประกันตัวเลย แต่ถ้าพรุ่งนี้ศาลพิจารณาแล้วว่า ปริญญ์เป็นภัยต่อสังคมและค้านประกัน ตนเองก็จะรู้สึกได้ว่าจะได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ ก็อยากให้มีการคุ้มครองผู้เสียหายทุกรูปแบบ เพราะถ้าวันหนึ่งปริญญ์ผิดจริงก็อาจจะไปคุกคามผู้เสียหายรายอื่น รวมถึงตัวเองด้วย
ด้าน วรนัยน์ วาณิชกะ หัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘Voranai Vanijaka-วรนัยน์ วาณิชกะ’ เรื่อง ‘Toxic Patriarchy ปิตาธิปไตยที่เป็นพิษ’ โดยระบุว่า “ถ้าคําถามคือ การข่มขืนผิดมั้ย? ทุกคนคงตอบว่า ‘ผิด’ แต่ถ้าคําถามคือ อะไรคือการข่มขืน? ทุกคนอาจตอบไม่เหมือนกัน
“คนรู้จักกัน เพื่อนกัน เพื่อนร่วมงานกัน พาร์ตเนอร์ธุรกิจกัน ญาติกัน ผู้ใหญ่ที่นับถือ แม้กระทั่งแฟนกันหรือแต่งงานกันแล้ว ถ้าคําตอบคือ ‘ไม่’ แต่คุณยังดื้อดึงที่จะกระทำ มันคือการข่มขืน
“ถ้าเขาขึ้นไปบนห้องคุณหรือออฟฟิศคุณ นั่นแปลว่าเขาให้ความไว้วางใจในความเป็นคนของคุณ ไม่ได้หมายความว่าเขาเปิดโอกาสคุณได้ดึงความเดรัจฉานในเบื้องลึกของคุณออกมาทำร้ายกัน
“ไม่ว่าเขาจะแต่งตัวอย่างไร แสดงท่าทีแบบไหน ถ้าเขาพูดว่า ‘ไม่’ ความหมายของเขาคือ ‘ไม่’
“ถึงแม้ว่าเขายอมภายหลัง ไม่ได้หมายความว่าเขาสมยอม แต่เป็นเพียงเพราะว่า คุณได้บังคับทั้งร่างกายและจิตใจจนเขาหมดหนทางสู้
“การเสพหนังหรือละครที่พระเอกข่มขืนนางเอก แล้วนางเอกหลงรักพระเอกภายหลัง คือการสร้างสันดานของสังคมว่า Date Rape เป็นเรื่องทำได้
“วลีเด็ดที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีต อย่างเช่น ‘เด็กมันยั่ว’ คือการสร้างสันดานของสังคม เพื่อประณามและสร้างตราบาปผู้ถูกกระทำ และปัดความรับผิดชอบออกจากผู้กระทํา ซึ่งเป็นเพศชาย นี่คือ Toxic Patriarchy ปิตาธิปไตยที่เป็นพิษ
“การที่ผู้ถูกกระทํา ต้องเล่าในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่เพศชาย ที่ไม่ได้รับการฝึกสอนในการปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกข่มขืนกระทำชำเรา และถามคำถามอย่างเช่น “คุณแต่งตัวแบบไหน?” คือการที่ผู้ถูกกระทําโดนข่มขืนซ้ำสองโดยกระบวนการยุติธรรม
“การที่โรงเรียนไม่สอนวิชาเพศศึกษา หรือสอนแต่ไม่ครอบคลุมถึง Rape และ Date Rape คือการปล่อยปละละเลยของกระบวนการศึกษา
“ในวันที่คุณแอนนา-หทัยรัตน์ ธนากิจอำนวย แจ้งกับผมว่า จะขอยุติการทำหน้าที่แคนดิเดต ส.ก. ของพรรครวมไทยยูไนเต็ด เพราะเธอต้องการสู้คดีอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้หวังผลในการเลือกตั้ง ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่เธอเป็นส่วนหนึ่งของพรรครวมไทยยูไนเต็ด ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ต้องอยู่เหนือการเมือง
“ถึงแม้ว่าการถอนตัวไม่มีผลในทางนิตินัย เนื่องจากมาตรา 53 ของกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นห้ามให้ผู้สมัครถอนตัว เพียงแต่มีผลทางด้านพฤตินัย
“ทั้งนี้ ผมขออนุญาตฝากข้อคิด อย่ามองว่านี่เป็นเพียงคดีหนึ่ง แต่มันเป็นความเลวร้ายที่เกิดขึ้นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และจะเกิดขึ้นอีกนับครั้งไม่ถ้วน ถ้าทั้งกระบวนการยุติธรรม กระบวนการศึกษา วงการบันเทิง และวัฒนธรรมของสังคม จมปลักอยู่ใน Toxic Patriarchy ปิตาธิปไตยที่เป็นพิษ”