ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มค่าระวางเรือน่าจะทรงตัวระดับสูงต่อเนื่องตลอดทั้งปีนี้ เนื่องจากความต้องการขนส่งสินค้าทางเรือมีมาก โดยเฉพาะจากประเทศจีนที่มีความต้องการส่งสินค้าประเภทหลักอย่างมาก ขณะที่จำนวนเรือขนส่งสินค้ามีไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ มีการประเมินอัตราการเติบโตด้านความต้องการขนส่งทางเรือ (Demand) อยู่ที่ 4% ส่วนอัตราการขยายตัวของกองเรือทั่วโลก (Supply) อยู่ที่ 2%
“แนวโน้มค่าระวางเรือน่าจะทรงตัวระดับสูงต่อเนื่องตลอดทั้งปีนี้ เพราะดีมานด์และซัพพลายไม่สมดุล อีกทั้งเส้นทางการเดินเรือระหว่างจีนและประเทศคู่ค้าก็มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ระยะเวลาในการขนส่งต่อรอบเพิ่มขึ้น ค่าขนส่งคือค่าระวางเรือ ก็ปรับเพิ่มขึ้นไปด้วยเช่นกัน ขณะที่การส่งมอบเรือใหม่ๆ ทำได้ไม่ทันความต้องการ”
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะเริ่มเห็นภาวะสมดุลระหว่างดีมานด์และซัพพลายในปีหน้าจากการที่ช่องทางการขนส่งแบบอื่น เช่น ทางบก ทางอากาศ กลับสู่ภาวะปกติ หากประเทศต่างๆ ทั่วโลกเริ่มควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ตามแผน
สำหรับหุ้นกลุ่มเดินเรือของไทยที่จะได้อานิสงส์จากค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มทรงตัวระดับสูง คือหุ้น TTA, PSL และ RCL โดย TTA และ PSL เป็นผู้ให้บริการขนส่งแบบเรือเทกอง ส่วน RCL ให้บริการขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์
ทั้งนี้ หากประเมินราคาหุ้นกลุ่มนี้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันพบว่า หุ้น TTA ปรับเพิ่มขึ้นมาแล้ว 153% PSL +110% และ RCL +107% จะพบว่า สอดคล้องกับดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index: BDI) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 98%ในช่วงเวลาเดียวกัน
ในส่วนของแนวโน้มผลประกอบการของกลุ่มเดือนเรือในปีนี้เชื่อว่า จะพลิกกลับมามีกำไรได้ หลังจากที่ขาดทุนในปี 2563 ที่ผ่านมา เหตุผลหลักมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวทั่วโลกหลังจากโควิด-19 คลี่คลาย
ณัฐพลกล่าวเพิ่มว่า ราคาหุ้นกลุ่มเดินเรือและกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ มักจะเคลื่อนไหวตามวัฏจักรของอุตสากรรม ทำให้การพิจารณาค่า P/E หรือดูเพียงความถูกและแพงอย่างเดียวไม่ได้ ควรพิจารณาจากมูลค่าหุ้นทางบัญชี หรือ Book Value (BV) ด้วย โดยปัจจุบันราคา PSL ใกล้เต็ม BV แล้ว บล.หยวนต้า จึงแนะนำให้ลงทุน TTA ที่ราคายังต่ำกว่า BV และมีโอกาสขยับขึ้นอีก
“อีกจุดสังเกตที่ต้องจับตาคือ ราคาหุ้นกลุ่มเดินเรือมักจะปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าดัชนีค่าระวางเป็นปกติ หากมีจังหวะที่ค่าระวางปรับขึ้น แต่ราคาหุ้นไม่ปรับขึ้นตาม หรือเริ่มปรับขึ้นในอัตราที่น้อยกว่า อาจจะเริ่มหมดรอบเข้าเก็งกำไร นอกจากนี้กลุ่มเดินเรือยังเป็นกลุ่มมีฤดูกาลด้วย โดยช่วงพีกคือกลางไตรมาส 2 ถึงต้นไตรมาส3 หลังจากนั้นเป็นโลว์ซีซัน”