สภาทองคำโลกเปิดเผยข้อมูล ในไตรมาส 3/64 ธปท. มีการสำรองทองคำเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับธนาคารกลางทั่วโลก ด้านผู้เชี่ยวชาญลงทุนทองคำมองว่าธนาคารกลางเร่งบริหารความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อเร่งตัว การชะลอตัวทางเศรฐกิจ และความผันผวนของค่าเงิน
ข้อมูลจาก World Gold Council (WGC) หรือสภาทองคำโลก ระบุว่า ธนาคารกลางทั่วโลกมีการเพิ่มสำรองด้วยทองคำเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 3/64 ผู้ที่ซื้อสุทธิทองคำมากที่สุดคือ บราซิล อินเดีย
ขณะที่ประเทศไทยนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เริ่มกลับมาสำรองทองคำเพิ่มในปีนี้เป็นปีแรก นับตั้งแต่ปี 2560
ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง กล่าวว่า การที่ ธปท. สำรองทองคำเพิ่ม สะท้อนถึงความกังวลเรื่องการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ซึ่งเป็นท่าทีที่สอดคล้องกับธนาคารกลางทั่วโลกที่ซื้อสุทธิทองคำเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ทางด้านผลกระทบนั้น ท่าทีของธนาคารกลางทั่วโลกครั้งนี้เป็นบวกต่อความต้องการทองคำและระดับราคาทองคำในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ราคาทองคำอาจะปรับฐานลงอีกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะเริ่มลด QE ซึ่งจะทำให้สภาพคล่องถูกดึงออกจากระบบ ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และราคาทองคำอ่อนตัวลง
ทางด้าน วรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า การสำรองทองคำเพิ่มของ ธปท. ประเมินได้หลายสาเหตุ ดังนี้
- ราคาทองคำปรับฐานและพักฐานในปีนี้ค่อนข้างเยอะแล้ว เมื่อเทียบกับราคาที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว
- ภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าเงินบาทด้อยค่าลง หรืออ่อนค่าลง การเข้าซื้อทองคำก็เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของค่าเงิน
- ความผันผวนของนโยบายการเงินแต่ละประเทศ ซึ่งปัจจุบันธนาคารกลางทั่วโลกมีการปรับเปลี่ยนนโยบายกันมากขึ้น และบางประเทศมีการกำหนดนโยบายซื้อทองคำเพิ่มเอาไว้ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและรักษาเสถียรภาพทางการเงิน
ทั้งนี้มองว่าการที่ธนาคารกลางทั่วโลกมีภาพของการซื้อสุทธิทองคำเพิ่มขึ้นจะส่งผลบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม กรณีของ ธปท. ที่ซื้อสุทธิทองคำนั้น ไม่น่าจะส่งผลต่อราคาทองคำ (Gold Spot) ในประเทศมากนัก แต่ก็เป็นการเพิ่ม Sentiment เชิงบวก
ข้อมูลเพิ่มเติมจากรายงานแนวโน้มความต้องการทองคำ (GDT) ประจำไตรมาส 3/64 ของ WGC ระบุว่า ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดในไตรมาส 3/64 โดยมียอดสำรองทองคำเพิ่มขึ้น 41 ตัน เป็น 745 ตัน และมีแนวโน้มที่จะซื้อสุทธิต่อเนื่องในปี 2564 ส่งผลให้อินเดียมีการซื้อสุทธิทองคำครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ปี 2552
ทางด้านธนาคารกลางของบราซิลซื้อสุทธิทองคำเพิ่ม 9 ตันในไตรมาส 3/64 โดยบราซิลหนึ่งในผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดในครึ่งปีแรก มียอดสำรองทองคำ ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ 130 ตัน เพิ่มขึ้น +92% จากต้นปี
ขณะที่ธนาคารกลางอุซเบกิสถานซื้อสุทธิ 26 ตัน, คาซัคสถานซื้อสุทธิ 7 ตัน และรัสเซียซื้อสุทธิ 6 ตัน ขึ้นแท่นผู้ซื้อรายใหญ่ในไตรมาส 3 เช่นเดียวกัน และ WGC คาดการณ์ว่าธนาคารกลางรัสเซียมีแนวโน้มที่จะสำรองทองคำเพิ่มในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ทางธนาคารกลางฟิลิปปินส์และมองโกเลียก็เพิ่มทองคำสำรองในไตรมาส 3 เช่นกัน โดยทั้งคู่มีการซื้อสุทธิไม่ถึง 1 ตัน
ส่วนธนาคารกลางโปแลนด์มีการสำรองทองคำคงที่ อย่างไรก็ตาม ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อดัม ลาปินสกี ผู้ว่าการธนาคารกลางโปแลนด์ ระบุว่ามีแผนเบื้องต้นที่จะซื้อทองคำเพิ่มอีก 100 ตันในปี 2565
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP
