วานนี้ (10 กรกฎาคม) นพ.อำพล จินดาวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ในรายการ THE STANDARD NOW ดำเนินรายการโดย อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ ถึงประเด็นการโหวตนายกรัฐมนตรีของ ส.ว.
นพ.อำพล กล่าวว่า ตนเองเป็น ส.ว. ตั้งแต่ปี 2562 ตามมาตรา 272 ที่เปิดช่องทางไว้ให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอก ซึ่งการเลือกตั้งปี 2562 ได้โหวตให้พรรคการเมืองที่รวมเสียงได้เกินครึ่ง ตามเจตนาและเคารพเสียงของประชาชน คือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ฉะนั้น การเลือกตั้งที่ผ่านมา (ปี 2566) ตนเองคิดว่าจะโหวตเลือกคนที่พรรคได้คะแนนเสียงมากที่สุดหรือเกินครึ่ง โดยไม่ได้สนใจหรือหาเหตุผลที่จะขวางเจตนาหรือเสียงของประชาชน ฉะนั้นตนเองจะโหวตให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี
นพ.อำพล ระบุว่า มาตรา 272 ไม่ใช่มาตราที่เป็นประชาธิปไตย เนื่องจากถ้าอิงตามประชาธิปไตยต้องให้คนที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เลือกคนเข้าไปบริหารประเทศ ส่วน ส.ว. ก็มีหน้าที่ตรวจสอบ กำกับ และกลั่นกรองกฎหมาย ซึ่งเป็นมาตราที่เกี่ยวข้องกับบทเฉพาะ 5 ปี ส.ว. (ปี 2562-2567)
“เขา (ประชาชน) อยากให้ปิดสวิตช์ ส.ว. ตั้งแต่แก้รัฐธรรมนูญ แต่ตอนนี้ ส.ว. 250 คนยังเป็นฐานการเลือกนายกฯ ถ้าปิดสวิตช์ตอนนี้ก็เหมือนกับ ส.ว. ไม่ทำหน้าที่ ดีไม่ดีคนจะไปเข้าใจว่าไปขวางทางหรือขัดขาคนที่ถูกเสนอชื่อนายกฯ หรือพูดง่ายๆ ถ้าจะปิดสวิตซ์ตามภาคปฏิบัติคือต้องโหวตตามเสียงข้างมาก หรือ ส.ส. ไปเลย ซึ่งถ้าจะอ้างว่าประชาชนให้ปิดสวิตช์ก็คือ ส.ว. คืนหน้าที่ อำนาจให้ ส.ส. ไปเลย” นพ.อำพล ขยายความ
นพ.อำพล พูดถึง ส.ว. ที่หยิบประเด็นแก้ไขมาตรา 112 มาเป็นเหตุผลของการโหวตเลือกนายกฯ ว่า ส.ว. ชุดนี้เป็น ส.ว. ต้นทุนต่ำ ตั้งแต่ระบบการคัดเลือกและเข้าสู่ ส.ว. ฉะนั้นต้องยอมรับกับสภาพที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะทำดีอย่างไรก็จะถูกตำหนิอยู่ดี
ดังนั้น เมื่อตนเองเข้ามาแล้วต้องทำงานหนัก และทำเพื่อผลประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน เชื่อว่า ส.ว. หลายๆ คนก็กำลังทำสิ่งเหล่านี้ เนื่องจากการทำงานเป็นเรื่องปกติที่จะมีทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้านอยู่แล้ว