การสร้างความมั่งคั่งไม่จำเป็นต้องซับซ้อน เพียงใช้จ่ายน้อยกว่ารายได้ เก็บออมเงินสดไว้สำหรับเหตุฉุกเฉิน และนำส่วนที่เหลือไปลงทุนระยะยาว หากทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีหรือหลายทศวรรษ ก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นเศรษฐีได้ อย่างไรก็ตาม หากต้องการสร้างความมั่งคั่งให้มากขึ้น นักวางแผนการเงินในสหรัฐอเมริกา เผยโอกาสสำคัญที่หลายคนมองข้าม
‘พลังของดอกเบี้ยทบต้น’ คือหัวใจสำคัญประการแรก ที่สามารถเปลี่ยนผู้ออมธรรมดาให้กลายเป็นผู้สะสมทรัพย์สินรายใหญ่ได้ โดยมีส่วนประกอบสำคัญคือ ‘เวลา’ เมื่อลงทุนแล้วได้ผลตอบแทน การนำผลตอบแทนนั้นกลับไปลงทุนต่อจะทำให้เกิดการเติบโตแบบทวีคูณ Warren Buffett เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน แม้เริ่มลงทุนตั้งแต่อายุ 11 ปี แต่สร้างความมั่งคั่งส่วนใหญ่หลังอายุ 65 ปี นี่คือพลังของดอกเบี้ยทบต้นที่ต้องใช้เวลา
สำหรับชาวอเมริกัน Health Savings Account (HSA) คือโอกาสที่สองที่มักถูกใช้ต่ำกว่าศักยภาพ HSA เป็นบัญชีพิเศษที่รัฐบาลสหรัฐฯ ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีถึง 3 ชั้น คือเงินที่นำเข้าบัญชีสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต้องเสียภาษี และหากถอนออกมาเพื่อค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ก็ไม่ต้องเสียภาษี โดยหลังอายุ 65 ปีสามารถถอนเงินออกมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้เช่นเดียวกับบัญชีเกษียณอายุแบบ Traditional IRA
ทั้งนี้ การเปิดบัญชี HSA ต้องใช้คู่กับแผนประกันสุขภาพแบบ High-Deductible Health Plan (HDHP) ซึ่งมีค่าเบี้ยประกันรายเดือนต่ำ แต่ผู้เอาประกันต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองก่อนในวงเงินที่สูง ผู้วางแผนการเงินจึงมักแนะนำกลยุทธ์นี้เฉพาะกับผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง มีประวัติค่าใช้จ่ายทางการแพทย์น้อย และมีเงินสำรองฉุกเฉินเพียงพอที่จะรับมือกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น
โอกาสที่สามสำหรับพนักงานบริษัทในสหรัฐฯ คือการบริหารค่าตอบแทนในรูปแบบหุ้น ไม่ว่าจะเป็น Employee Stock Purchase Plan (ESPP) หรือ Stock Options ประเภทต่างๆ ESPP เป็นโครงการที่ให้พนักงานซื้อหุ้นบริษัทในราคาที่ได้ส่วนลด 5-15% แต่ประโยชน์นี้อาจกลายเป็นการขาดทุนได้หากถือหุ้นไว้โดยไม่มีแผนจัดการที่ชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อราคาหุ้นปรับตัวลดลง
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ขายหุ้นทันทีที่ได้รับสิทธิ์ เพื่อล็อกกำไรจากส่วนลดที่ได้รับ แล้วนำเงินไปลงทุนในพอร์ตที่กระจายความเสี่ยงทั่วโลกด้วยต้นทุนต่ำ เพราะความสำเร็จทางการเงินระยะยาวมักขึ้นอยู่กับการออมและลงทุนอย่างสม่ำเสมอในพอร์ตที่กระจายความเสี่ยง มากกว่าการเก็งกำไรจากหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง
สำหรับผู้ที่ได้รับค่าตอบแทนในรูปหุ้น ควรศึกษาและทำความเข้าใจในประเด็นต่างๆ ดังนี้
- ประเภทของหุ้นที่ได้รับ เพราะมีเงื่อนไขต่างกัน
- ผลกระทบทางภาษีและความเสี่ยง
- เงื่อนไขการซื้อขาย รวมถึงช่วงห้ามซื้อขาย (Blackout Period)
- วางกลยุทธ์การจัดการที่เหมาะกับตนเอง
- ติดตามดูแลความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของการลงทุนและรักษาการกระจายความเสี่ยงให้ดี ไม่ควรปล่อยให้อนาคตทางการเงินพึ่งพานายจ้างมากเกินไป
ทั้งสามกลยุทธ์นี้เป็นแนวทางที่ใช้กันในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีระบบภาษีและกฎหมายที่แตกต่างจากประเทศไทย ผู้ลงทุนชาวไทยควรศึกษาเครื่องมือและสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่มีในประเทศไทย เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) เป็นต้น
การสร้างความมั่งคั่งไม่จำเป็นต้องถูกลอตเตอรี่ หรือเลือกหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงลิ่ว แต่อยู่ที่การรู้ว่าการตัดสินใจใดที่สร้างความแตกต่าง และลงมือทำอย่างชาญฉลาดอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะแต่ละกลยุทธ์อาจเหมาะสมกับแต่ละคนไม่เท่ากัน
อ้างอิง: