ค่า เงินยูโร ที่อ่อนค่าลงมามีมูลค่าเท่ากับเงินดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี กำลังดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันจำนวนมากแห่เข้าไปท่องเที่ยวและช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์หรูในฝรั่งเศส
“มันเหมือนคุณกำลังซื้อของลดราคา ค่าเงินยูโรที่ลดลงมาอยู่ในระดับเดียวกับดอลลาร์กระตุ้นให้พวกเราอยากใช้จ่ายมากขึ้น” ชอนนา วิลสัน นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันรายหนึ่งกล่าวหลังจากตัดสินใจซื้อเสื้อผ้า 4 ชุด ในร้านแบรนด์หรู La Samaritaine ในปารีส
นักวิเคราะห์จาก Barclays คาดว่า ผลจากการอ่อนค่าของเงินยูโรจะทำให้มีนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากสหรัฐฯ เดินทางเข้าไปในยุโรปมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายสินค้าแบรนด์หรูต่างๆ โดยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวอเมริกันในฝรั่งเศสเพิ่มสูงขึ้นถึง 4 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สวนทางกับยอดนักท่องเที่ยวจีนและยอดขายสินค้าแบรนด์หรูในจีนที่ปรับตัวลดลงจากมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงก่อนหน้านี้
Richemont และ Burberry สองแบรนด์สินค้าลักชัวรี รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ยอดขายในยุโรปของพวกเขากำลังปรับตัวสูงขึ้น สวนทางกับยอดขายในจีนที่ปรับตัวลดลงถึง 30%
ฝรั่งเศสถือเป็นประเทศที่ได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด ยอดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในฝรั่งเศสในเดือนมิถุนายนปรับตัวขึ้นมาห่างจากระดับในช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิดเพียง 11.3%
เจนนิเฟอร์ กรอเนอร์ นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เธอเดินทางมาปารีสเพื่อซื้อกระเป๋า Birkin ของ Hermès ซึ่งมีราคาถูกกว่าในสหรัฐฯ ถึง 4,000 ดอลลาร์ เมื่อรวมการคืนภาษีเข้าไปด้วย นอกจากนี้เธอยังช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์หรูอื่นๆ ทั้ง Prada, Dior, Louis Vuitton และ Chanel ซึ่งโดยรวมมีราคาถูกกว่าการซื้อในสหรัฐฯ ถึง 8,000 ดอลลาร์
“คุณสามารถมาท่องเที่ยวยุโรป ซึมซับวัฒนธรรมและซื้อกระเป๋าหรูไปได้ในเวลาเดียวกัน” กรอเนอร์กล่าว
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP