กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานตัวเลขชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มอีก 3.17 ล้านคนในสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้ยอดรวมผู้ขอรับผลประโยชน์จากการตกงานมีจำนวนถึง 1 ใน 5 ของประชากรวัยทำงานทั่วประเทศนับตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมเป็นต้นมา สืบเนื่องจากผลกระทบของวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจชัตดาวน์ทั่วประเทศ
การระบาดของโควิด-19 ทั่วสหรัฐฯ ทำให้ทางการต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์จนเศรษฐกิจหยุดชะงัก ขณะที่พนักงานจำนวนมากถูกเลิกจ้าง พักงาน หรือลดชั่วโมงการทำงาน ถึงแม้รัฐบาลได้ออกมาตรการเยียวยาหลายอย่าง รวมทั้งให้เงินกู้แก่บริษัทขนาดเล็กเพื่อต่อลมหายใจ และจ่ายค่าจ้างพนักงานโดยที่ไม่ต้องเลย์ออฟก็ตาม
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 3.17 ล้านคนในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน ทำให้ยอดรวมช่วง 7 สัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มเป็น 33.5 ล้านคน ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ทรัมป์ยอมรับว่าการระบาดของโวรัสโคโรนา 2019 เป็นการโจมตีที่ร้ายแรงกว่าเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเผชิญกับภาวะถดถอยอย่างรุนแรงในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2020
พอล แอชเวิร์ธ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แห่ง Capital Economics ให้ความเห็นกับ CNN ว่า ตัวเลขการขอสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นว่า มีคนจำนวนน้อยที่ถูกเรียกกลับเข้าทำงาน แต่ตัวเลขดังกล่าวอาจเริ่มลดลงในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้าเมื่อหลายรัฐเริ่มคลายล็อกดาวน์ และหลายบริษัทเปิดทำการแล้ว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: