×

หอการค้าอเมริกันในเซี่ยงไฮ้เผยบริษัทสหรัฐฯ แห่ย้ายหนีจีนทุบสถิติ มุ่งหน้าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

10.09.2025
  • LOADING...
หอการค้าอเมริกันในเซี่ยงไฮ้

หอการค้าอเมริกันในเซี่ยงไฮ้ (AmCham Shanghai) เปิดเผยผลสำรวจสมาชิกประจำปี พบว่าสมาชิกเกือบครึ่งหนึ่ง หรือ 47% ของบริษัทอเมริกัน ได้โยกย้ายหรือปรับแผนการลงทุนที่เคยมุ่งเป้าไปยังประเทศจีน ไปยังภูมิภาคอื่นในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

 

ผลสำรวจดังกล่าวตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นที่ลดน้อยลงของภาคธุรกิจสหรัฐฯ ท่ามกลางสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ, การแข่งขันในประเทศที่ดุเดือดขึ้น และแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ซบเซา โดยมีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) กลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งที่ได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนที่ย้ายฐานออกมา

 

การสำรวจครั้งนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 19 พฤษภาคม ถึง 20 มิถุนายน 2025 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนปะทุขึ้นอีกครั้ง และแม้ว่าทั้งสองประเทศจะตกลงขยายเวลา ‘พักรบทางภาษี’ ออกไปอีก 90 วัน (จนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน) แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว

 

เอริก เจิ้ง ประธานหอการค้าอเมริกันในเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า “สำหรับบริษัทแล้ว เวลา 90 วันมันสั้นเกินไปมาก” เขาชี้ว่าการวางแผนห่วงโซ่อุปทานต้องมองในระยะที่ยาวกว่านั้นมาก “อย่างน้อยที่สุดคือตอนนี้เราไม่ต้องเผชิญกับภาษีที่สูงขึ้นไปอีก แต่ปัญหาไม่ได้หายไปไหน มันยังคงอยู่ตรงนี้”

 

ความกังวลนี้สะท้อนชัดเจนในผลสำรวจ โดยผู้ตอบแบบสอบถามถึง 65% ระบุว่ากำแพงภาษีในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเขาอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการผลิต

 

นอกเหนือจากความตึงเครียดทางการค้าแล้ว ธุรกิจอเมริกันในจีนยังต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้านที่บั่นทอนความเชื่อมั่น ทั้งเรื่องของความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มธุรกิจในจีนระยะ 5 ปีข้างหน้า ลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4

 

และมีเพียง 28% ของบริษัทที่ระบุว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานในจีนปี 2024 สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก ขณะที่ 33% ระบุว่าผลการดำเนินงานในจีนย่ำแย่กว่า นอกจากนี้ บริษัทสหรัฐฯ ยอมรับว่าคู่แข่งสัญชาติจีนมีความล้ำหน้ากว่าใน 6 จาก 8 หมวดหมู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความเร็วในการนำสินค้าออกสู่ตลาด (Speed to Market) และการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาปรับใช้

 

ประเด็นเรื่อง AI ถือเป็นความท้าทายที่ซับซ้อน โดยผลสำรวจพบว่า 41% ของบริษัทสหรัฐฯ มองว่าบริษัทจีนมีความก้าวหน้าในการนำ AI มาใช้มากกว่า ซึ่งตัวเลขนี้พุ่งสูงถึง 62% ในกลุ่มอุตสาหกรรมค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภค

 

“เรามองว่า AI เป็นอีกหนึ่งสมรภูมิที่เราสามารถแข่งขันได้ในจีน แต่เราก็ต้องหาทางออก” เอริก เจิ้ง กล่าว “ในด้านหนึ่ง เราต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบเพราะมีกฎควบคุมการส่งออกบางอย่างที่เราในฐานะบริษัทอเมริกันต้องปฏิบัติตาม แต่ในขณะเดียวกัน เราก็จำเป็นต้องแสวงหาโอกาสที่เป็นไปได้ในประเทศนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการทำงานร่วมกับพันธมิตรชาวจีนด้วย”

 

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน ผลสำรวจกลับพบหนึ่งในมุมที่น่าสนใจคือ การที่บริษัทอเมริกันมีมุมมองที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญต่อ สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบในท้องถิ่น 

 

โดย 48% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบมีความโปร่งใส ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากเพียง 35% ในปี 2024 ขณะที่สัดส่วนของธุรกิจที่ระบุว่าการขาดความโปร่งใสเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานลดลง 12% มาเหลือเพียง 16%

 

ครึ่งปีแรก FDI ไทยโต 132% 

 

ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ พบว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) เพิ่มขึ้น 132% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่า 7.37 แสนล้านบาท โดย 5 ประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง จีน สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น 

 

ขณะที่สถิติการขอรับส่งเสริมการลงทุนช่วงครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้น 138% คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนรวม 1.05 ล้านล้านบาท จำนวนทั้งสิ้น 1,880 โครงการ 

 

ทั้งนี้ จากการจัดอันดับของ Kearney ใน The 2025 Kearney FDI Confidence Index ไทยเป็นประเทศที่ได้รับความเชื่อมั่นมากที่สุดในอาเซียน 

 

 

ขณะที่ประเทศที่มีอันดับถัดจากไทยจากการจัดอันดับล่าสุดนี้ คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ตามลำดับ 

 

ภาพ: Wang Gang/VCG via Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising