หุ้น Amazon.com Inc. ทรุดตัวลงอย่างหนัก ทรุดลง 14% ใน 1 วัน มาร์เก็ตแคปหาย 2.06 แสนล้านดอลลาร์ รั้งอันดับ 2 ตามหลัง Meta มาติดๆ หลังจากเปิดเผยผลการดำเนินการที่น่าผิดหวัง
โดยความเคลื่อนไหวราคาหุ้น Amazon เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 เมษายน) ลดลง 14% ซึ่งเป็นการสูญเสียมูลค่าหุ้นครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2006 ขณะที่ราคาปิดหุ้นอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020 การถูกเทขายอย่างหนักทำให้มาร์เก็ตแคปหายไป 2.062 แสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ Amazon รั้งอันดับ 2 ตามติดเจ้าของสถิติหุ้นที่มาร์เก็ตแคปใน 1 วันมากสุดอย่าง Meta Platforms มาติดๆ โดย Meta นั้นมาร์เก็ตแคปหุ้นหายไป 2.513 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
การปรับตัวลดลงของหุ้น Amazon วานนี้ยังได้ฉุดดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลงด้วย ถือเป็นการซ้ำเติมตลาดที่ยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากการดำเนินนโยบายด้านดอกเบี้ยของ Fed โดยดัชนี Nasdaq 100 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาร่วงลง 4.5% และเมื่อคำนวณตลอดทั้งเดือนเมษายนที่ผ่านมาพบว่า Nasdaq 100 ลดลง 13% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 1 เดือนนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2008
Michael Matousek หัวหน้าเทรดเดอร์ของ U.S. Global Investors Inc. กล่าวว่า ทุกอย่างดูอ่อนแอไปหมดจนผู้คนไม่อยากรับรู้อีกต่อไป นักลงทุนต่างรู้ดีว่าช่วงเวลาหากำไรจากตลาดหุ้นได้อย่างง่ายดายนั้นสิ้นสุดลง ตอนนี้มีแต่ความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่กำลังจะถูกปรับให้สูงขึ้น นอกจากนี้ยังต้องกังวลเกี่ยวกับโควิด ภาวะสงคราม
สำหรับราคาหุ้น Amazon ในเดือนเมษายนนั้น ลดลง 24% ซึ่งเป็นการลดลงรอบเดือนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2008
ในส่วนของหุ้นเทคสหรัฐฯ อื่นๆ นั้นก็เคลื่อนไหวขาลงไม่ต่างกัน โดยหุ้น Apple Inc. ร่วงลง 9.7% ในเดือนเมษายน ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดในรอบ 1 เดือนนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2020 สาเหตุหลักมาจากคาดการณ์เกี่ยวกับข้อจำกัดด้านอุปทานที่อาจกระทบต่อรายได้ในอนาคต
ขณะที่หุ้น Microsoft Corp. ร่วงลง 10% ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นการลดลงในรอบ 1 เดือนที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2015 แม้ว่าจะรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งก็ตาม ส่วน Meta Platforms Inc. ร่วงลง 9.8% ในเดือนเมษายน แม้จะพุ่งขึ้นอย่างมหาศาลหลังจากผลประกอบการในวันพฤหัสบดี
Charlie Ripley นักยุทธศาสตร์การลงทุนอาวุโสของ Allianz Investment Management กล่าวว่า แรงกดดันด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและแนวโน้มที่ไม่แน่นอนจากกลุ่มเทคขนาดใหญ่ ทำให้นักลงทุนตื่นตัวในช่วงสุดสัปดาห์ และประเมินว่านักลงทุนไม่น่าจะสบายใจในเร็วๆ นี้ เพราะยังต้องติดตามประเด็นการดำเนินนโยายของ Fed ซึ่งล่าสุดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมช่วงสัปดาห์หน้า
อ้างอิง:
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-29/amazon-s-biggest-drop-since-2014-caps-miserable-month-for-tech?srnd=premium-asia&sref=CVqPBMVg
- https://www.cnbc.com/2022/04/29/amazon-google-close-out-their-worst-months-on-wall-street-since-2008.html
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP
