‘AMATA ปักหมุดลงทุนผุดเมืองอุตสาหกรรมทันสมัย AMATA SMART & ECO CITY ใน สปป.ลาว หลังรัฐบาลร่วมลงนามในสัญญาอนุมัติให้สัมปทานเข้าพัฒนาที่ดินบนพื้นที่เป้าหมายนาเตย แขวงหลวงน้ำทา สำเร็จในระยะแรกรวม 410 เฮกตาร์ พร้อมเดินหน้าหาพันธมิตรไทย-ต่างชาติ ร่วมสร้างเมืองอุตสาหกรรมแห่งอนาคตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หวังดึงนักลงทุนจากทั่วโลก มั่นใจดัน GDP สปป.ลาว โต 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งเสริมเศรษฐกิจระยะยาว สร้างรายได้จากการจ้างแรงงานในระบบเพิ่ม
บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน หรือ AMATA เริ่มพัฒนาโครงการ AMATA SMART & ECO CITY หรือเมืองทันสมัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่นาเตย แขวงหลวงน้ำทา ได้รับเกียรติจากท่านคำไหล ศรีประเสริฐ เจ้าแขวงหลวงน้ำทามาเป็นประธานในพิธี โดยมีคณะผู้บริหารระดับสูงในแขวงหลวงน้ำทาและอุดมชัย สปป.ลาว ร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์
วิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการ AMATA เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการอนุมัติสัมปทานการพัฒนาที่ดินจำนวน 410 เฮกตาร์ (2,562.5 ไร่) จากรัฐบาล สปป.ลาว โดยได้เซ็นสัญญาร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย การลงทุนในครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญของอมตะกับการเปิดโครงการพัฒนาพื้นที่ครั้งแรกในสปป.ลาว เพื่อพัฒนาโครงการ AMATA SMART & ECO CITY ที่นาเตย ในระยะแรกบนพื้นที่ตามเป้าหมายการลงทุนทั้งหมดในสปป.ลาว 200 ตารางกิโลเมตร
บริษัทจัดสรรงบประมาณสำหรับการพัฒนาไว้จำนวน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท อมตะ ซิตี้ ลาว จำกัด (Amata City Lao Sole Company Limited) ซึ่งอมตะถือหุ้น 100% โดยจะเริ่มดำเนินการพัฒนาภายในปี 2565 เน้นพัฒนาการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยนโยบายการปล่อยของเสียเป็นศูนย์ (Zero Waste Discharge) ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับสปป.ลาว และคาดว่าจะสามารถเปิดรับนักลงทุนได้ภายในปี 2565
“อมตะจะเดินหน้าพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมที่สะอาด มีความทันสมัยและปลอดภัยที่สุดในสปป.ลาว จากศักยภาพของอมตะที่ปัจจุบันมีโรงงานที่อยู่ในนิคมฯ ของประเทศไทยและเวียดนาม ประมาณ 1,400 โรงงาน มีจำนวนประชากรกว่า 300,000 คน คิดเป็น GDP มูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะเชิญชวนโรงงานที่มีอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทั้งไทยและเวียดนาม เข้ามาลงทุนใน AMATA SMART & ECO CITY แห่งนี้ เพื่อร่วมสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนในระยะยาว โดยมีกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ คลังสินค้า โลจิสติกส์ เครื่องจักร การขนส่ง ผลิตภัณฑ์ยาง พลาสติก การแปรรูปอาหารและเครื่องดื่ม เคมีภัณฑ์ ยา (FMCG) เป็นต้น” วิกรมกล่าว
การพัฒนาเมืองสมาร์ทซิตี้ (Smart City) จะนำไปสู่การเป็นเมืองคาร์บอนต่ำ (Low Carbon) ในระยะยาวที่เป็นเทรนด์ของโลก โดยมีอุตสาหกรรมเป้าหมายในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สอดรับกับนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของอมตะ และการให้ความสำคัญกับประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับทุกภาคส่วนและทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่เป็นไปตามหลักการ All Win โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ โครงการนี้จะช่วยสร้าง GDP ของสปป.ลาว ได้เพิ่มขึ้น คิดเป็นมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะเดียวกัน บริษัทได้วางแผนเชิญชวนบริษัทระดับโลก รวมถึงภาครัฐจากประเทศญี่ปุ่น ไทย และจีน เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาโครงการ AMATA SMART & ECO CITY โดยผ่านความร่วมมือกับเมืองอุตสาหกรรมโยโกฮามาและเจโทร เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการและเชิญชวนนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นให้เข้ามาในสปป.ลาว และโครงการอมตะในสปป.ลาว อีกด้วย
“เรามุ่งเน้นการร่วมมือกับพันธมิตรทุกส่วน โดยเฉพาะจาก 5 ประเทศ อาทิ สปป.ลาว ไทย จีน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ที่จะพัฒนาโครงการนี้ในส่วนต่างๆ โดยอยู่ระหว่างการหารือแนวทางความร่วมมือเพื่อที่จะทำให้ AMATA SMART & ECO CITY ที่สปป.ลาว ได้มีส่วนการยกระดับการค้าการลงทุนระหว่างไทยและสปป.ลาวให้มากยิ่งขึ้น โดยเงินลงทุนเบื้องต้นเราได้ลงนามความเข้าใจกับสถาบันการเงินต่างๆ ทั้งของไทย สปป.ลาว และประเทศอื่นๆ ที่พร้อมสนับสนุนด้านการเงินแล้ว” วิกรมกล่าว