×

จากค่ายผู้ลี้ภัยสู่นัดชิงแชมเปียนส์ลีก เส้นทางชีวิตมหัศจรรย์ของ อัลฟอนโซ เดวีส์

22.08.2020
  • LOADING...
จากค่ายผู้ลี้ภัยสู่นัดชิงแชมเปียนส์ลีก เส้นทางชีวิตมหัศจรรย์ของ อัลฟอนโซ เดวีส์

HIGHLIGHTS

  • เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของอัลฟอนโซ เดวีส์ ทำให้ครอบครัวตัดสินใจขอย้ายถิ่นฐานใหม่จากแคมป์ผู้ลี้ภัยในกานามาอยู่ที่ประเทศแคนาดา ตั้งแต่เด็กน้อยอายุได้แค่ 5 ขวบ
  • อัลฟอนโซ เคยคิดแค่จะเล่นฟุตบอลเพื่อความสนุก แต่ด้วยการเร้าจากคนรอบกายทำให้เขาเชื่อว่าเขามีโอกาสจะเล่นฟุตบอลเพื่อหาเลี้ยงตัวเองได้
  • มีหลายสโมสรที่สนใจอยากได้ตัวไปร่วมทีม รวมถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่บาเยิร์น มิวนิก ได้ตัวไปเพราะเป็นทีมเดียวที่มีการนำเสนอแผนอย่างชัดเจน

ในการเดินทางของคน บางครั้งสถานที่ที่จะไปไม่สำคัญเท่าสถานที่ที่จากมา

 

บนท้องฟ้าอาจมองเห็นดาวพร่างพราวในยามราตรี แต่ไม่มีคืนไหนที่ อัลฟอนโซ เดวีส์ จะนอนหลับได้เต็มตา และไม่มีเช้าวันไหนที่เขาจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดใส เมื่อชีวิตในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งในเมืองบูดูบูราม ในประเทศกานา – ซึ่งเป็นสถานที่เกิดของเขาหลังครอบครัวต้องระเห็จมาอยู่ในค่ายแห่งนี้เพื่อหลบหนีจากสงครามกลางเมืองในประเทศไลบีเรีย – คือชีวิตที่อยู่ในสมรภูมิรบทุกวัน

 

เพราะแม้จะเป็นค่ายผู้ลี้ภัย แต่การจะอยู่รอดได้หมายถึงการต้องหันกระบอกปืนใส่กัน เพียงเพื่อต่อสู้หาน้ำดื่มสะอาด อาหาร และทุกอย่างเพื่อจะรักษาชีวิตรอดเป็นยอดดี

 

ทุกเวลานาทีที่ผ่านไปและยังมีลมหายใจอยู่คือช่วงเวลาแห่งชัยชนะ

 

“การใช้ชีวิตอยู่ในไลบีเรียเป็นเรื่องที่ยาก เพราะทางเดียวที่จะอยู่รอดได้คือการที่ต้องพกปืน” เดเบียห์ พ่อของอัลฟอนโซกล่าวถึงการตัดสินใจที่จะหนีอีกครั้ง ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของลูก “เราไม่ได้คิดถึงเรื่องจะพกปืนไว้ยิงใคร ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะหลบหนีมาจากที่นั่น พวกเขามีโปรแกรมที่เรียกว่าการตั้งถิ่นฐานใหม่ (Resettlement)”

 

ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องง่ายตั้งแต่การกรอกข้อมูลต่างๆ ไปจนถึงการสัมภาษณ์มากมาย แต่สุดท้ายความพยายามของเดเบียห์ในการพาครอบครัวรอดพ้นจากชีวิตที่เหมือนตกนรกก็ประสบความสำเร็จ เขาสามารถพาครอบครัวลี้ภัยอีกครั้งมาอยู่ที่แคนาดา

 

ที่ที่ทุกคนจะได้นอนหลับเต็มตา และตื่นมาโดยไม่ต้องกังวลว่าจะโดนใครขโมยลมหายใจไปหรือไม่

 

ครอบครัวเดวีส์เดินทางมาตั้งถิ่นฐานใหม่ที่แคนาดาในช่วงที่เจ้าหนูอัลฟอนโซอายุได้ 5 ขวบ โดยอาศัยในเมืองเอดมันตัน รัฐแอลเบอร์ตา โดยที่เดเบียห์ผู้เป็นพ่อ และวิกตอเรียผู้เป็นแม่พยายามทำงานทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว

 

ขณะที่เจ้าหนูอัลฟอนโซนั้นวิ่งเล่นไปรอบบ้านโดยช่วยเลี้ยงน้องเล็กๆ อีก 2 คน ในระหว่างที่เข้าเรียนที่โรงเรียนมาเธอร์ เทเรซา คาทอลิก

 

ที่นั่นเองที่พรสวรรค์ในตัวของเขาเริ่มเปล่งประกาย

 

“เจ้าอัลฟอนโซตัวน้อยของพวกเรา” เมลิสซา กัซโซ ครูพละเกรด 6 รำลึกถึงความหลัง “เขาเป็นหนึ่งในเด็กที่มีรอยยิ้มเสมอบนใบหน้า ชอบเต้นในหอประชุม เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์โดยธรรมชาติ ไม่ว่าเขาจะเล่นอะไร จะวิ่งแข่ง บาสเกตบอล หรือกีฬาไหนเขาก็ทำได้ดีทั้งหมด เขาเป็นเด็กที่เกิดมาเพื่อสิ่งเหล่านี้”

 

โลกฟุตบอลต้องขอบคุณครูเมลิสซาที่เลือกจะพาอัลฟอนโซไปพบกับ ทิม อดัมส์ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนฟุตบอล Free Footie ที่ให้โอกาสเด็กๆ ที่เรียนเกรด 3-6 ที่ไม่สามารถจะจ่ายเงินค่าลงทะเบียนหรือหาชุดอุปกรณ์หรือค่าเดินทางเพื่อไปแข่งขันได้มีโอกาสที่จะได้เล่นฟุตบอลอย่างที่เด็กทุกคนสมควรจะมีโอกาสได้เล่น

 

แต่สำหรับพ่อหนุ่มน้อยเจ้าของรอยยิ้มกว้างคนนี้ แค่การสัมผัสบอลครั้งแรกทิมก็รู้ทันทีว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา

 

“ผมเห็นเขาจับบอลครั้งแรกผมก็รู้เลยว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์” ทิมกล่าวถึงวินาทีแรกที่ได้เห็นอัลฟอนโซในรายการแข่งขันประจำปีของ Free Footie “เด็กคนอื่นที่ผมเห็นนั้นอาจจะมีความโดดเด่นเรื่องความเป็นนักกีฬา แต่เด็กคนนี้แตกต่างไป เขามีความคิด เขาเป็นมากกว่าแค่เด็กที่อยากจะส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย”

 

ทิมรู้โดยสัญชาตญาณว่าเด็กคนนี้ไม่ควรจะอยู่ที่ Free Footie ทำให้เขาติดต่อกับ มาร์โก บอสซิโอ โค้ชทีมเซนต์ นิโคลัส อคาเดมี ทีมฟุตบอลท้องถิ่นเพื่อมาดูฟอร์มของอัลฟอนโซที่ลงแข่งในรายการประจำปีทันที และบอสซิโอก็เป็นอีกคนที่ไม่ผิดหวังในสิ่งที่ได้เห็น

 

“มีความพิเศษบางอย่างในตัวเด็กคนนี้” บอสซิโอเล่าถึงอัลฟอนโซบ้าง “เขามีสเตปเท้าและความเร็วที่เหมือนสายฟ้าฟาด ผมรู้ทันทีว่าสำหรับเด็กวัยนี้มันคืออะไรที่พิเศษมาก ผมจึงถามเขาว่ามีแผนอะไรไหม ก่อนที่เขาจะบอกผมว่าเขาจะมาเล่นให้กับทีมของผมในฤดูกาลหน้า ซึ่งทำให้เราดีใจมาก ในทีมของเรามีเด็กๆ จากหลากหลายที่อยู่แล้ว และเขาก็ปรับตัวเข้าได้ทันที”

 

แต่เจ้าหนูอัลฟอนโซได้ใช้เวลาตระเวนเล่นกับทีมนั้นทีมนี้จนทั่วเอ็ดมอนตันก่อนจะมาอยู่กับ เอ็ดมอนตัน สไตรเกอร์ส ทีมที่มี นิค เฮาเซห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีที่ทำหน้าที่เป็นโค้ชให้ทีมในยามจำเป็น และที่สำคัญกว่านั้นคือคนที่คอยช่วยดูแลเจ้าหนูเชื้อสายไลบีเรียที่เกิดในกานาและมาโตในแคนาดา

 

“ตั้งแต่ย้ายมาที่แคนาดาพ่อและแม่ของเขาทำงานทั้งวัน ดังนั้นเมื่อเขากลับจากโรงเรียนเขาก็ต้องคอยเลี้ยงน้องชายและน้องสาว เขาต้องช่วยเปลี่ยนผ้าอ้อมมาตั้งแต่ก่อนจะเป็นวัยรุ่น รวมถึงอุ่นนมให้น้องและอื่นๆ ดังนั้นแม้จะอายุน้อยแต่เขาก็ถูกสอนให้ดูแลตัวเองและมีความรับผิดชอบ ซึ่งเด็กอายุ 11 ขวบส่วนใหญ่ไม่เคยทำ” เฮาเซห์ เล่าถึงความหลังด้วยรอยยิ้ม

 

 

 
 
 
 
 
View this post on Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

My Familia❤️👑

A post shared by A D 1 9⚡️ (@alphonsodaviess) on

อัลฟอนโซ เดวีส์ และครอบครัวของเขา

 

อัลฟอนโซจะใช้เวลาสัปดาห์ละ 5 วันในบ้านของเฮาเซห์ในระหว่างที่พ่อแม่ออกไปทำงาน และเล่นฟุตบอลไปด้วย

 

เป็นช่วงนี้เองที่เขาเริ่มคิดว่าจากที่เล่นเพื่อความสนุกสนาน บางทีมันอาจจะเป็นทางออกของชีวิตที่ดีขึ้น

 

“บอกตรงๆ ผมแค่เล่นเพื่อความสนุก เพื่อให้ตัวเองมีอะไรทำและให้ตัวเองหลีกหนีจากปัญหา” เดวีส์กล่าวถึงชีวิตในช่วงนั้น ซึ่งกีฬาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เขาไม่ต้องเจอกับโลกด้านที่มืดมิด “ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งมากมายอะไร ผมแค่เล่นเพราะอยากจะสนุกไปกับเพื่อนๆ แต่เมื่อผมได้เล่นในทีมที่จริงจังขึ้น ครอบครัว โค้ช และเพื่อนๆ ก็พยายามบอกให้ผมไปต่อ และนั่นเป็นช่วงที่ผมเริ่มจะเชื่อในเรื่องนี้ มันทำให้ผมอยากจะเป็นมืออาชีพ ทำให้ผมเริ่มซ้อมหนักเพื่อจะได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ”

 

หลังจากนั้นชีวิตของอัลฟอนโซเปลี่ยนไปเหมือนขึ้นรถด่วน พรสวรรค์ในการเล่น การเรียนรู้อย่างรวดเร็ว การโตกว่าวัย ทำให้พัฒนาการในการเล่นของเขาก้าวไปข้างหน้าแบบไม่มีใครหยุดได้

 

นั่นทำให้ แวนคูเวอร์ ไวท์แคปส์ ทีมฟุตบอลแคนาดาที่เล่นในเมเจอร์ลีก ซอกเกอร์ สหรัฐฯ​ (MLS) ต้องรีบติดต่อยื่นข้อเสนอให้ตั้งแต่อายุแค่ 14 ปี โดยให้ที่พักและที่เรียนที่แวนคูเวอร์ และที่สำคัญคือให้สิทธิ์ในการเป็นพลเมืองด้วย

 

การต้องแยกจากครอบครัวในวัยนี้ไม่ใช่สิ่งที่พ่อแม่จะทำใจยอมรับได้ง่ายนัก โดยเฉพาะแม่อย่างวิกตอเรียที่กลัวใจว่าลูกจะเสียคนได้ แต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยมือจากลูก “ฉันกลัวเหลือเกิน ฉันได้เห็นสิ่งที่วัยรุ่นเขาทำกัน ​ฉันไม่อยากให้ลูกของฉันเป็นเด็กไม่ดี แต่เขาให้สัญญากับฉันว่าเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนไปต่อให้ไปอยู่ที่แวนคูเวอร์ เขาจะทำให้ฉันภูมิใจ”

 

ในถ้อยคำที่ให้ไว้ อัลฟอนโซทำได้จริงเพราะเขาไม่เคยลืมคำสอนของพ่อแม่ที่จดจำขึ้นใจมาตั้งแต่เด็ก “ผมบอกกับเขาเสมอ ลูกเอ๋ยอย่าคบเพื่อนไม่ดี อย่าเป็นคนไม่ดีนะ” เดเบียห์เล่าถึงสิ่งที่เขาพยายามสอนลูก ซึ่งแม้จะเป็นกังวลเพราะหากคบเพื่อนไม่ดีชีวิตของลูกอาจจะพังได้ แต่ลึกๆ แล้วเขารู้ว่าไอ้ลูกชายคนนี้ไม่มีวันจะเป็นแบบนั้น

 

เมื่อไปอยู่ที่แวนคูเวอร์ อัลฟอนโซแสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงความพิเศษในตัวของเขา – ภายใต้การดูแลของเฮาเซห์ ที่ได้รับการร้องขอจากวิกตอเรียให้ช่วยเป็นตัวแทนให้ก่อนในฐานะผู้ปกครองอีกคนที่ช่วยเลี้ยงดูมาแต่อ้อนแต่ออก – แมวมองมากมายมาเฝ้าติดตาม รวมถึง ฮอร์เก อวิอาล แมวมองที่แมนเชเสเตอร์ ยูไนเต็ดจ้างให้สอดส่องนักเตะในภูมิภาคอเมริกาเหนือ และเป็นคนเห็นแววของ เฟรดดี อาดู อดีตวันเดอร์คิดคนดังของอเมริกา และ ฮาเมส โรดริเกซ ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังโคลอมเบีย

 

จากครั้งแรกที่ได้เห็นฟอร์ม ตอนแรกอาเวียลไม่ได้เอะใจอะไรนักนอกจากความเร็วกับร่างกายของนักกีฬา แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานแมวมองปีศาจแดงก็ต้องตะลึงเมื่ออัลฟอนโซก้าวกระโดดจากทีมเยาวชนมาสู่การเล่นในลีกอาชีพ USL หรือลีกรองของสหรัฐฯ ก่อนจะทะลุขึ้นทีมชุดใหญ่ของไวท์แคปส์ 

 

เขากลายเป็นนักเตะที่เกิดหลังปี 2000 คนแรกที่ได้เล่นใน MLS ด้วยวัยแค่ 15 ปี 8 เดือน 15 วัน

 

จากนั้นคือทีมชาติแคนาดาที่ต้องรีบคว้าตัวเขามาทันที โดยเริ่มจากทีมชุดอายุต่ำกว่า 17 ปี ไปจนถึงชุดอายุตำ่กว่า 20 ปี และเข้าสู่ทีมชาติชุดใหญ่โดยลงเล่นนัดแรกในเกมพบกับกือราเซาเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2017 หลังจากที่เพิ่งได้สัญชาติแคนาดาเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น

 

“มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ สำหรับครอบครัวของผม” เดวีส์กล่าว “ผมดีใจที่ผมทำได้ การได้เล่นให้ทีมชาติที่ผมใช้ชีวิตอยู่มาเกือบตลอดชีวิตมีความหมายอย่างมากจริงๆ สำหรับผม”

 

ในวัย 16 ปี อัลฟอนโซ เดวีส์ กลายเป็นนักเตะแคนาดาที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้ทีมชาติได้ในรายการโกลด์คัพ วันที่พบกับเฟรนช์เกียนา และเขาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจของคนทั้งชาติ “อัลฟอนโซ เดวีส์ คือคนที่ผู้เล่นทุกคนเฝ้าจับตามองในฐานะแรงบันดาลใจ”

 

ขณะที่หลายทีมใหญ่ในยุโรปอยากได้เขา รวมถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่พยายามตามจีบตั้งแต่ช่วงที่ขึ้นมาเล่นใน MLS ใหม่ๆ แต่ไวท์แคปส์คัดค้านคำเชิญให้ไปร่วมทดสอบฝีเท้าเป็นเวลา 3 สัปดาห์ เนื่องจากมองว่าอัลฟอนโซยังไม่พร้อม

 

การพลาดของ ‘ปีศาจแดง’ กลายเป็นโอกาสของ ‘เสือใต้’ บาเยิร์น มิวนิก ที่ติดต่อเข้ามาหลังจากนั้น ซึ่งหลังการพูดคุยไม่นาน เฮาเซห์ได้คำตอบในใจว่าบาเยิร์น และเยอรมนีคือสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับอัลฟอนโซ”

 

 

 

สิ่งที่ทำให้บาเยิร์นชนะใจได้คือการที่พวกเขามีแผนที่ชัดเจนมานำเสนอให้ผ่านพรีเซนเทชันบน PowerPoint ที่จัดทำโดย มาร์โก เนปเป (หัวหน้าแมวมอง) และ ฮาซาน ซาลิฮามิดซิช ผู้อำนวยการสโมสร โดยในแผนนั้นมีการอธิบายให้เห็นภาพว่าอัลฟอนโซตอนนี้อยู่ตรงไหน และเขาจะได้เล่นตรงไหน จำนวนผู้เล่นในทีมบาเยิร์นซึ่งเป็นทีมใหญ่ที่ใช้ผู้เล่นขนาดเล็กแค่ 19 คน แต่ละคนได้เล่น 50 นัด หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ย 80% ของจำนวนเกมในฤดูกาล

 

ความชัดเจนนี้แตกต่างจากอีกหลายทีมที่ติดต่อมาและมีแค่ลมปากเปล่า แค่บอกว่าจะให้เริ่มจากทีมชุดสองก่อนแล้วไต่เต้าขึ้นมา และนั่นทำให้เฮาเซห์ตัดสินใจเลือกบาเยิร์นเป็นที่หมายต่อไปของอัลฟอนโซ 

 

เด็กหนุ่มปิดฉากชีวิตใน MLS ก่อนจะย้ายมาบาเยิร์นในฐานะนักฟุตบอลค่าตัวแพงที่สุดของ MLS ในเดือนมกราคม 2019 

 

ในเวลาอันรวดเร็วเขากลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้บาเยิร์นได้ในรอบเกือบ 20 ปี ในเกมที่พบกับไมนซ์ เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ก่อนจะได้เป็นส่วนหนึ่งในทีมที่คว้าดับเบิลแชมป์ทั้งบุนเดสลีกาและเดเอฟเบ โพคาล

 

จากนั้นในช่วงต้นฤดูกาล 2019-20 เขาได้โอกาสจากวิกฤตในเกมรับของบาเยิร์นเมื่อ นิคลาส ซูเล และ ลูกัส แอร์กน็องเดซ ได้รับบาดเจ็บ ทำให้ ดาวิด อลาบา แบ็กซ้ายตัวหลักต้องขยับเข้ามายืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟแทน ทำให้อัลฟอนโซได้โอกาสลงเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย ซึ่งเป็นตำแหน่งใหม่ที่เขาไม่เคยเล่นมาก่อน

 

แต่ภายใต้การนำของโค้ชคนใหม่ ฮันซี ฟลิก เดวีส์ถูกรีดเร้นศักยภาพในตัวออกมา และพรสวรรค์ในการเป็นนักเตะของเขาเปล่งประกายถึงขีดสุดภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน

 

อัลฟอนโซ เป็นกำลังหลักของบาเยิร์นในการป้องกันดับเบิลแชมป์ในประเทศได้ และกลายเป็นเจ้าของสถิตินักฟุตบอลที่วิ่งเร็วที่สุด (22.7 ไมล์ต่อชั่วโมง – เร็วที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลเมื่อปี 2011) รวมถึงยังได้รางวัลนักฟุตบอลหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของฤดูกาล 2019-20

 

แต่เหนืออื่นใดคือการที่เขากำลังจะได้ลงสนามในเกมนัดชิงแชมเปียนส์ลีก – หลังมีส่วนสำคัญในการช่วยให้บาเยิร์นไล่ถล่มบาร์เซโลนาที่นำมาโดย ลิโอเนล เมสซี ย่อยยับถึง 8-2

 

จังหวะกระชากหนีเนลสัน เซเมโด ด้วยความเร็วและเทคนิคก่อนจะเปิดให้ โจชัว คิมมิช ยิงประตู สร้างความตะลึงให้แก่แฟนฟุตบอลทั่วโลก

 

ในวัย 19 ปี อัลฟอนโซ เดวีส์ ก้าวมาไกลจากที่ที่เขาจากมามากมายนักราวกับดาวคนละดวง

 

เพียงแต่เส้นทางของเขาเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น และชวนให้อยากรู้เหลือเกินว่าเด็กคนนี้จะก้าวไปได้ไกลถึงไหนกันหลังจากนี้

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

FYI
  • นอกจากจะเตะบอลเก่งแล้ว อัลฟอนโซยังเป็น ‘ดาว TikTok’ ด้วยอีกตำแหน่ง คลิปในรายการ Brooklyn Nine-Nine ของเขาเคยเป็นไวรัลของคนที่อเมริกาด้วย
  • ถึงจะมีเลือดคนไลบีเรีย เกิดที่กานา และโตที่แคนาดา แต่ทีมในดวงใจของเดวีส์คือเชลซี และการได้มีโอกาสเล่นในสแตมฟอร์ดบริดจ์ ในเกมแชมเปียนส์ลีก เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาคือความฝันที่เป็นจริงของเขา
  • แฟนสาวของอัลฟอนโซก็เป็นนักฟุตบอล (คนสวย!) เช่นกัน เธอคือ ยอร์ดิน ฮุยทีมา สตาร์ทีมชาติหญิงแคนาดาซึ่งกำลังจะลงเล่นนัดชิงแชมเปียนส์ลีกหญิงให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่จะพบกับโอลิมปิก ลียง เช่นกัน โดยหากทั้งคู่ชนะก็จะกลายเป็นคู่รักคู่แรกที่ได้แชมป์รายการใหญ่ที่สุดของยุโรปทั้งประเภทชายและหญิง!

 

 

 
 
 
 
 
ดูโพสต์นี้บน Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

Locked in for the Coupe de France semifinals🔜 🔴🔵

โพสต์ที่แชร์โดย 𝙹𝙾𝚁𝙳𝚈𝙽 𝙷𝚄𝙸𝚃𝙴𝙼𝙰 (@jordynhuitema) เมื่อ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising