All of Us Are Dead ซีรีส์ซอมบี้มัธยม เป็นผลงานออริจินัลคอนเทนต์ของ Netflix ที่จะออกอากาศในวันที่ 28 มกราคมนี้แล้ว และน่าสนใจทีเดียวว่า ในฐานะผู้สร้างสรรค์คำเรียก K-Zombie จนกลายเป็นซอมบี้เกาหลีที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง All of Us Are Dead จะมีอะไรที่แปลกใหม่ แตกต่าง และยังต่อยอดจากการเป็นซอมบี้เกาหลี ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้น เราน่าจะหาคำตอบได้จากบทสัมภาษณ์พิเศษชิ้นนี้
อย่างย่นย่อ All of Us Are Dead หรือชื่อภาษาไทย มัธยมซอมบี้ เป็นเรื่องของเหล่านักเรียนที่ถูกขังอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ขณะมีการแพร่กระจายของไวรัสซอมบี้ พวกเขาต้องช่วยกันเอาชีวิตรอดจนกว่าความช่วยเหลือจะมาถึง
พัคจีฮู, ยุนชานยอง, ชเวอีฮยอน, พัคโซโลมอน นักแสดงนำ All of Us Are Dead และผู้กำกับอีแจคยู พร้อมอยู่แล้วกับการสัมภาษณ์สื่อจากเอเชียแปซิฟิก สดจากโซล เกาหลีใต้ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นผลงานการแสดงแรกๆ ของพวกเขา แต่กลับเต็มไปด้วยความมั่นใจและความสนุกสนานในการตอบคำถาม
คุณคงต้องเล่าถึงเหตุผลในการกำกับ All of Us Are Dead
ผู้กำกับอีแจคยู: ที่ผ่านมา มีผลงานที่เกี่ยวกับซอมบี้มากมายเลยครับ ในหลายๆ เรื่องมักมีผู้ใหญ่เป็นคนดำเนินเรื่อง มีการใช้อาวุธปืน มีกองทัพทหารเข้ามาช่วยกวาดล้างฝูงซอมบี้ แต่ความพิเศษของ All of Us Are Dead เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียน สิ่งที่เราจับต้องได้มีแค่อุปกรณ์เครื่องใช้ที่อยู่ในโรงเรียน เช่น โต๊ะเรียน และเก้าอี้
การที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับกลุ่มนักเรียนที่ยังไม่มีมีวุฒิภาวะ ผมอยากแสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะเลือกตัดสินใจอย่างไรเพื่อเอาชีวิตรอด และการที่มีกลุ่มวัยรุ่นเป็นตัวแสดงนำน่าจะสร้างความแปลกใหม่ให้กับผลงานแนวซอมบี้ครับ
ยุนชานยอง: All of Us Are Dead มีซอมบี้โผล่ออกมาจากทุกทั่วทิศเลยครับ ผมว่าความแตกต่างอีกอย่างคือ ซอมบี้แต่ละตัวจะมีรอยกัดทั้งที่ใบหน้าบ้าง หรือที่แขนบ้าง อยากให้รอติดตามชมว่าในซีรีส์จะแตกต่างอย่างไรบ้างครับ
อย่างที่หลายคนทราบ All of Us Are Dead สร้างจากเว็บตูนที่ดังมาก มีคนคาดหวังกับซีรีส์เรื่องนี้หนักมากเช่นกัน คุณเตรียมพร้อมรับแรงกดดันอย่างไรบ้าง
ผู้กำกับอีแจคยู: แน่นอนครับ ผมรู้สึกกดดันอยู่ตลอดเวลา เพราะดัดแปลงมาจากเว็บตูนระดับตำนานที่ผ่านการเรียบเรียงมาแล้วอย่างดี ผมคิดว่าทีมนักแสดงเองก็น่าจะรู้สึกแบบเดียวกัน
ก่อนการทำงาน ผมได้ปรึกษาและแลกเปลี่ยนไอเดียกับนักเขียนว่าควรทำอย่างไรเพื่อให้เรื่องราวดูมีชีวิตชีวา เราต้องการสื่อให้เห็นว่ามนุษย์ควรมีความหวังในการใช้ชีวิต ผมอยากให้ทุกคนได้แง่คิดจากซีรีส์ในประเด็นนี้ครับ
ช่วยอธิบายเกี่ยวกับตัวละครของพวกคุณใน All of Us Are Dead ให้ฟังหน่อย
พัคจีฮู: ฉันรับบทเป็น นัมอนโจ นักเรียนชั้น ม.5 เป็นเด็กฉลาด และเพื่อนๆ รักเธอ ความที่พ่อเป็นนักดับเพลิง เธอจึงได้เรียนรู้ทักษะการเอาชีวิตรอด และนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาปรับใช้ในสภาวะวิกฤตค่ะ
ยุนชานยอง: ชองซานเป็นเพื่อนกับอนโจตั้งแต่เด็กๆ และแอบรักอนโจข้างเดียวครับ เขาเป็นเด็กใสซื่อ จิตใจดี และวิ่งหนีซอมบี้ได้อย่างว่องไว พ่อแม่ของทำธุรกิจเปิดร้านขายไก่ทอด เขาไม่ค่อยชอบใจที่แม่เอาหน้าเขาไปเป็นโลโก้ร้านสักเท่าไรครับ
ชเวอีฮยอน: ฉันรับบทเป็น นัมรา หัวหน้าห้อง ที่สอบได้ที่หนึ่งของห้อง นอกเวลาเรียนเธอมักจะใส่หูฟังอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่อยากพูดคุยหรือสุงสิงกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ไวรัสซอมบี้ระบาด เธอก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างเพื่อนค่ะ
พัคโซโลมอน: ซูฮยอก ตัวละครของผมมีความฝันอยากเป็นทหาร เขายืนหยัดเผชิญหน้าต่อสู้กับฝูงซอมบี้ และยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อปกป้องเพื่อนๆ ครับ
อนโจ เป็นตัวละครที่มีความกล้าหาญ ตัวจริงของคุณกับบทบาทที่คุณแสดงเหมือนกันอย่างไรบ้าง คุณเป็นนักแสดงที่มีอายุน้อยที่สุดของกลุ่มนักแสดงในเรื่อง เคมีระหว่างนักแสดงเป็นอย่างไรบ้าง
พัคจีฮู: ฉันและตัวละครอนโจเหมือนกันมากค่ะ มีความซุ่มซ่าม สดใส ชอบเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ เหมือนกัน มีหลายครั้งที่ฉันคิดว่าถ้าฉันเป็นอนโจ ฉันก็คงตัดสินใจแบบนี้เหมือนกัน พวกพี่ๆ ก็บอกว่าฉันเหมือนกับตัวละคร ‘อนโจ’ มาก ถึงฉันจะเป็นน้องเล็กในกองถ่ายแต่ก็สนิทกับพี่ๆ และมีนัดเจอกันตอนก่อนเริ่มถ่ายทำ พูดคุยเกี่ยวกับบทด้วยกัน พี่ๆ ทุกคนเป็นกันเองมาก และช่วยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัย และการใช้ชีวิตด้วยค่ะ
ในชีวิตจริง คุณมีประสบการณ์เกี่ยวกับซอมบี้อย่างไรบ้าง คุณชอบหรือสนใจผลงานแนวซอมบี้หรือไม่ และช่วยเล่าถึงการเตรียมตัวและความยากของการถ่ายทำให้ฟังหน่อยได้ไหม
ยุนชานยอง: ปกติผมชื่นชอบผลงานแนวซอมบี้อยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่อง World War Z, ด่วนนรก ซอมบี้คลั่ง (Train to Busan) และซีรีส์โดย Netflix เรื่อง Black Summer พอได้ร่วมแสดงในผลงานเกี่ยวกับซอมบี้ผมจึงรู้สึกดีใจมากครับ
สำหรับการถ่ายทำฉากแอ็กชันในห้องสมุด ผมฝึกซ้อมท่าทางและแนวการแสดงก่อนถ่ายทำจริงทั้งวันร่วมกับสตาฟฟ์และนักแสดงคนอื่นๆ และใช้เวลาถ่ายทำนานนานถึง 4 วันสำหรับฉากนั้นฉากเดียวครับ ฉากนั้นเป็นฉากที่ชองซานและกวีนัมต้องปะทะกัน ต่างคนต่างข่มขู่และหลบเลี่ยงกันและกัน
นัมรา เป็นหนึ่งในตัวละครที่แกร่งที่สุดในเรื่อง คุณมีแนวทางในการถ่ายทอดบทบาทตัวละครของคุณอย่างไรบ้าง
ชเวอีฮยอน: ในระหว่างที่เพื่อนคนอื่นๆ กำลังตื่นตระหนกกับเหตุการณ์สุดระทึก นัมราเป็นคนที่ควบคุมสติได้ดีที่สุด และฉันคิดว่านั่นเป็นเสน่ห์ของเธอ สำหรับการเตรียมตัวสำหรับฉากที่ต้องแสดงเป็นครึ่งคนครึ่งซอมบี้ ฉันได้เข้าคลาสที่โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ และตั้งใจฝึกฝนการใช้นิ้ว ท่าทาง และการแสดงสีหน้าแบบซอมบี้ด้วยค่ะ
คุณได้เรียนรู้อะไรจากตัวละครของคุณบ้างในแง่ของการเอาชีวิตรอด ในบรรดาฉากเอาตัวรอดทั้งหมด คุณชอบฉากไหนมากที่สุด
พัคโซโลมอน: ทั้งผมและชานยองมีฉากแอ็กชันที่มากกว่าคนอื่น พวกเราจึงต้องเข้าคลาสเพื่อฝึกซ้อมก่อนเริ่มถ่ายทำจริงถึง 3 เดือน และหมั่นฝึกซ้อมกันส่วนตัวด้วยครับ ในการแสดงผมพยายามจินตนาการอยู่เสมอว่า ถ้าผมเป็นเด็กมัธยม หรือเป็นซูฮยอกผมจะตัดสินใจอย่างไร แล้วโรมนในชีวิตจริงจะเลือกทางไหน โชคดีที่ผมและตัวละครของผมเหมือนกันในหลายๆ เรื่อง ทำให้ผมโฟกัสกับตัวละครได้ดีขึ้นครับ
ส่วนฉากที่ผมชื่นชอบมากที่สุด คือฉากแอ็กชันในตัวอย่างอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นฉากจาก EP.2 และเป็นฉากแอ็กชันครั้งแรกของผม หลังจากที่ฝึกซ้อมอย่างหนักมาสามเดือน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เล่นผลงานแนวซอมบี้ แม้แต่เมกอัพก็ยังสมจริง ช่วยทำให้ผมแสดงได้อย่างมีชีวิตชีวาครับ
ถ้าคุณถูกขังอยู่ในโรงเรียนที่รายล้อมไปด้วยฝูงซอมบี้เหมือนในซีรีส์ คุณคิดว่าคุณจะมีชีวิตรอดออกมาได้ไหม คุณคิดว่าใครในบรรดาพวกคุณจะจากไปเป็นคนแรก และใครที่จะอยู่รอดจนถึงตอนสุดท้าย
ชเวอีฮยอน: ฉันไม่แน่ใจว่านัมราจะเป็นอย่างไร แต่สำหรับโจอีฮยอนในชีวิตจริง ฉันเป็นคนขี้กลัว และคงจะแอบหลบอยู่ที่ไหนสักแห่งจนกว่าเหตุการณ์จะสงบ คงไม่คิดจะออกไปต่อสู้กับฝูงซอมบี้
ส่วนคนที่น่าจะตายเป็นคนแรกๆ เลยคิดว่าเป็นโรมนค่ะ เพราะนิสัยเขาเหมือนตัวละครซูฮยอก ที่มีความเป็นผู้นำและชอบออกตัวช่วยเหลือคนอื่น ในระหว่างที่ต่อสู้กับฝูงซอมบี้อาจจะโดนกัดตายก่อนได้ค่ะ
ยุนชานยอง: ผมน่าจะตายก่อนเพื่อนเลยครับ เพราะซอมบี้ว่องไวและอันตรายมากกว่าที่คิดไว้ ถ้าสู้โดยไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อนก็อาจจะโดนกัดโดยไม่รู้ตัว ส่วนตัวผมคิดว่าจีฮูน่าจะเอาตัวรอดได้นานที่สุดครับ เพราะเธอเฉลียวฉลาดและเรียนหนังสือเก่ง น่าจะหาทางหนีรอดได้จนถึงที่สุด
คุณผ่านการร่วมงานกับนักแสดงชั้นนำมาแล้วมากมาย ช่วยเล่าถึงประสบการณ์ใหม่ๆ จากการได้ร่วมงานกับนักแสดงวัยรุ่นใน All of Us Are Dead แตกต่างกับการร่วมงานกับนักแสดงรุ่นใหญ่อย่างไรบ้าง
ผู้กำกับอีแจคยู: ปกติเวลาร่วมงานกับทีมนักแสดงในเรื่องอื่น ทุกเช้าตอนไปกองถ่ายผมจะกังวลว่าวันนี้จะผ่านไปด้วยดีไหมนะ แต่พอได้ร่วมงานกับเด็กๆ ผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น กลับตื่นเต้นที่จะได้ตื่นเช้าไปพบกับเด็กๆ ที่กองถ่าย ตื่นเต้นในทุกช่วงเวลาที่ร่วมงานกับพวกเขา สนุกที่ได้พูดคุย บรรยากาศการถ่ายทำก็ครึกครื้นมากครับ
All of Us Are Dead ไม่ใช่แค่ซีรีส์ซอมบี้ธรรมดาทั่วไป แต่มีการพูดถึงปัญหามากมายที่เกิดขึ้นในโรงเรียน เช่น การกลั่นแกล้ง และการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น เพราะอะไรคุณจึงรวมปัญหาทั้งหมดเหล่านี้เข้ากับธีมซอมบี้
ผู้กำกับอีแจคยู: เพราะฉากหลังของเราเป็นโรงเรียน หลายคนเลยคิดว่าเป็นเรื่องในโรงเรียนเท่านั้น แต่ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่แห่งหนใดบนโลก คุณก็สามารถประสบปัญหาเรื่องแตกต่างระหว่างชนชั้น วัย หรือศาสนาได้ทั่วไป มัธยมซอมบี้ (All of Us Are Dead) แค่รวมปัญหาเหล่านั้นมาไว้ในฉากหลังที่เป็นโรงเรียน
ตอนเริ่มดูแรกๆ คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องราวในโรงเรียน แต่ถ้าติดตามชมไปเรื่อยๆ ก็จะสัมผัสได้ว่ามันเป็นประเด็นปัญหาที่กว้างมาก และเป็นเรื่องที่อาจเกิดได้กับพวกเราทุกคน ซึ่งผมคิดว่าผู้ชมทั่วโลกน่าจะเพลิดเพลินและสัมผัสได้ถึงความแปลกใหม่ครับ
ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือตอนผมเป็นเด็กๆ เวลามีเพื่อนตกน้ำ เราก็จะพากันกระโจนลงไปเพื่อช่วยเพื่อน เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าจะเป็นสิบปีก่อนหรือในตอนนี้ แต่พอเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราต้องเลือกหนทางที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับครอบครัวและเพื่อนของเรา เพราะฉะนั้นถ้าเห็นใครตกน้ำก็คงไม่มีใครยอมกระโดดลงน้ำเพื่อไปช่วย แต่เด็กๆ ไม่ใช่อย่างนั้น การกระทำมักมาก่อนความคิด มีเด็กวัยรุ่นจำนวนมากที่ยืนยันจะช่วยเหลือเพื่อนก่อนไม่ว่าในสถานการณ์ใดก็ตาม
พอได้เห็นเช่นนั้นแล้วมันทำให้เราตั้งคำถามว่า วิถีของผู้ใหญ่คืออะไร และสิ่งที่เราถูกปลูกฝังนั้นส่งผลกับการใช้ชีวิตในสังคมอย่างไรบ้าง ถ้าคุณได้เห็นว่ากลุ่มวัยรุ่นใน All of Us Are Dead เลือกที่จะตัดสินใจเช่นไรเพื่อเอาชีวิตรอด และปกป้องเพื่อนๆ อย่างไร คุณน่าจะให้แง่คิดอะไรหลายๆ อย่างกับผู้ใหญ่ครับ
อยากให้ทุกคนช่วยติดตามไปพร้อมกันว่า เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับ All of Us Are Dead ในวันที่ 28 มกราคมที่จะถึงนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของความสิ้นหวัง หรือเป็นการเริ่มต้นของความหวังครับ
ตัวอย่างซีรีส์ All of Us Are Dead