ธุรกิจความงามเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะกลุ่มคลินิกความงามที่ไม่มีการผ่าตัดใหญ่ เน้นหัตถการโดยแพทย์และการใช้เครื่องมือแพทย์เป็นหลัก ทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้สามารถเปิดได้ง่ายและขยายสาขาได้เร็วกว่า เกิดการแข่งขันทางการตลาดสูง ตัดราคากันด้วยคำว่า ‘โปรโมชัน’ กลายเป็นภาระของผู้บริโภคที่ต้องใช้วิจารณญาณอย่างหนักในการพิจารณาเลือกคลินิกความงาม

 

หมอก็อต-นพ.ธนุพล แสงโชติ แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ เจ้าของ Alfar Ville Clinic คลินิกความงามน้องใหม่ที่มีดีกรีการแพทย์เฉพาะทาง American Board ด้าน Anti-Aging and Regenerative Medicine และ Master of Science in Anti-Aging and Regenerative Medicine จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ต้องจัดให้เป็นแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพฝีมือดีที่น่าจับตามอง รวมไปถึงมุมมองในการตัดสินใจเปิดคลินิกความงามของตัวเองภายใต้แนวคิดที่เรียบง่าย “ความสุขในการเป็นแพทย์ของผมคือการทำให้คนไข้มีความสุข” 

 

หมอก็อต-นพ.ธนุพล แสงโชติ แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ
เจ้าของ Alfar Ville Clinic

ด้วยความที่หมอก็อตคร่ำหวอดอยู่ในธุรกิจความงามมานานกว่า 10 ปี จึงเห็นจุดอ่อน จุดแข็ง และปัญหาหลักๆ ของคนไข้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการถูกหลอกล่อให้ซื้อคอร์สจากเซลส์ เข้าไปใช้บริการด้วยความไม่สบายใจ รักษาแล้วไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง ไม่รับการดูแลต่อเนื่องจากหมอที่รักษา ไม่มีการอธิบายภาวะแทรกซ้อน และอื่นๆ อีกมากมาย จึงออกมาให้ข้อมูลที่ชวนคิดสะกิดใจที่คนไข้อาจจะเสียรู้หรือเสียผลประโยชน์จากการรักษาที่ไม่เป็นธรรมได้ตระหนักถึงความจริงที่เกิดขึ้น อะไรคือสิ่งที่คนไข้ควรต้องรู้ และจะมีวิธีรับมืออย่างไร

 

หมอก็อตบอกว่าทุกวันนี้ในประเทศไทยมีคลินิกความงามเกิดขึ้นมากมายก็จริง แต่คลินิกที่ดีและมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญจริงๆ ยังมีไม่มาก เมื่อถามว่า Alfar Ville Clinic แตกต่างจากคลินิกความงามในท้องตลาดอย่างไร ‘หัวใจสำคัญ’ ในการเปิดคลินิกแห่งนี้คือ “ผมอยากให้คนไข้มั่นใจได้เลยว่าจะได้รับการรักษาที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์มายาวนาน และได้รับคำแนะนำที่จริงใจ อะไรดี อะไรไม่ดี อะไรที่ไม่จำเป็น ผมบอกคนไข้ตามจริง ผมจะไม่ตามใจคนไข้แบบผิดๆ อาจมีขัดใจบ้างก็เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไข้ สิ่งที่คนไข้จะได้รับคือเหมือนมีหมอเป็นเพื่อนที่คอยดูแลกันไปตลอด และเป็นหมอที่จริงใจกับเขาจริงๆ”

 

สร้างมายด์เซ็ตใหม่ การเดินเข้าคลินิกความงามทุกครั้งไม่จำเป็นต้องเสียเงินและเสียความรู้สึก

“เท่าที่เคยฟังประสบการณ์คนไข้หลายคนพบว่าหลายคลินิกเน้นขายแพ็กเกจ เดินเข้าไปยังไม่ทันได้พบแพทย์เพื่อปรึกษาก็เจอพนักงานหน้าเคาน์เตอร์พยายามปิดการขายจนคนไข้รู้สึกอึดอัด ซื้อคอร์สไปแบบงงๆ มาใช้บริการครั้งต่อไปก็มาด้วยความไม่สบายใจ เหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในคลินิกความงาม การเดินออกจากคลินิกความงามควรจะเดินออกมาพร้อมความมั่นใจและรู้สึกดีกับตัวเอง แต่กลายเป็นออกมาด้วยความรู้สึกงงๆ เมื่อกี้ฉันซื้อคอร์สอะไรไปนะ และถ้าคุณกลับไปใช้บริการก็จะกลับไปเพราะเสียดายเงินที่จ่ายไป

 

“มันกลายเป็นภาพจำไปแล้วว่าการเดินเข้าคลินิกความงามจะต้องเสียเงิน พอคนไข้รู้สึกอึดอัดเขาก็ไม่อยากไป บางทีโดนลากเข้าไปนั่งฟังคอร์ส หลอกล่อด้วยโปรโมชัน ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นที่คลินิกของผม เขาควรจะรู้สึกดีตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าไปใช้บริการ ทุกคนที่มาจะต้องได้คุยกับผมซึ่งเป็นแพทย์ที่ให้การรักษา นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น เขาต้องการมาปรึกษาว่าเขามีปัญหาอะไร ควรรักษาด้วยวิธีไหน สอบถามราคาได้อย่างโปร่งใส พร้อมก็ทำ ไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร เพราะเป้าหมายของผมคือคนไข้ควรรู้สึกสบายใจตั้งแต่ก้าวแรก ได้รับคำปรึกษาโดยแพทย์ที่เก่งและจริงใจ และหลังการรักษาแล้วคนไข้ต้องดูดีขึ้น” 

 

คนไข้ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์โดยตรง รักษาอย่างไร และผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นคืออะไร

“ประเด็นต่อมาที่พบบ่อยคือคนไข้ไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์โดยตรงว่าการรักษาที่คนไข้ได้รับคืออะไร ทำไปแล้วมีโอกาสเกิดอะไรขึ้นบ้าง และหลังจากนี้ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร มีข้อควรระวังอะไร ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง ข้อควรระวังที่ควรจะต้องฟังจากแพทย์ แต่ปัจจุบันกลายเป็นว่าคลินิกหลายแห่ง คนที่ให้คำแนะนำคือเซลส์หรือพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ หรือที่แย่ไปกว่านั้นคือคนไข้ได้รับคำแนะนำที่ไม่ถูกต้องจากแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ปัญหาที่ตามมาคือคนไข้ได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง คนไข้บางคนที่ไม่รู้จะต้องปฏิบัติตัวหลังการรักษาอย่างไร เขาก็ไปหาข้อมูลจากในอินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจได้ความรู้ที่ไม่ถูกต้อง นี่เป็นปัญหาที่มีมานาน คนไข้ที่ได้รับบริการแบบนี้มาเขาก็คงรู้สึกแย่

 

“ขึ้นชื่อว่าเป็นหัตถการทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นหัตถการเล็กๆ อย่างกดสิว ฉีดสิว ล้วนมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนทั้งสิ้น ส่วนใหญ่คนไข้ไม่ทราบข้อมูลเหล่านี้ แต่พอมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นมา ทุกคนทอดทิ้ง ภาวะบางอย่างไม่ปกติ แต่ก็มักจะได้รับคำอธิบายว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ จริงๆ แล้วข้อมูลเหล่านี้แพทย์ต้องแจ้งให้คนไข้ทราบก่อนการรักษา หลังการรักษาก็ควรมีการพูดคุยให้คำแนะนำ ไม่ใช่ฉีดหน้าคนไข้เสร็จก็ไม่พูดอะไรกับคนไข้อีกเลย แบบนี้ใช้ไม่ได้ การให้ความรู้กับคนไข้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการรักษา เพื่อให้คนไข้ตัดสินใจว่าเขาจะทำหรือไม่ทำ”

 

ความผิดหวังจากผลการรักษาที่เกิดจากแพทย์ซึ่งขาดประสบการณ์

“อีกเรื่องที่สำคัญมากๆ คือความผิดหวังจากผลการรักษาโดยแพทย์ที่ขาดความรู้และประสบการณ์ หรือแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านนั้นโดยตรง อาจจะพลาดตั้งแต่ขั้นตอนการประเมินที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ผลการรักษาออกมาไม่เป็นไปตามที่คนไข้คาดหวัง หากคนไข้ได้รับการรักษาโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์จริงๆ ย่อมลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา”  

 

ราคาไม่ใช่สิ่งแรกที่ควรนำมาพิจารณา

“ต้องเข้าใจก่อนว่าทุกอย่างมีต้นทุน อะไรที่ราคาถูกผิดปกติ อยากให้เอะใจไว้ก่อน สำหรับคนไข้ที่ใช้บริการคลินิกความงามเป็นประจำและศึกษาข้อมูลมาอย่างดีจะทราบดีว่าราคาไม่ใช่สิ่งแรกที่เขาเอามาพิจารณา แต่เขาจะดูที่มาตรฐานการรักษาและผลลัพธ์ที่ได้มากกว่า”  

 

หมอก็อตย้ำเพิ่มเติมว่าอ่านรีวิวได้ แต่อย่าเชื่อจนกว่าจะได้เข้าไปปรึกษาแพทย์ด้วยตัวเอง และจงระวังคำว่า ‘โปรเหมาๆ’ หรือ ‘โปรบุฟเฟต์’ ให้มากๆ “เมื่อไรที่เจอโปรโมชันแปลกๆ โดยเฉพาะคำว่าเหมาๆ หรือบุฟเฟต์ที่เห็นตามโฆษณา อยากให้ลองคิดเลยว่าทำไมถึงถูก ต้นทุนเท่าไร เพราะทางการแพทย์แล้ว การรักษาไม่มีคำว่าบุฟเฟต์ การรักษาทุกอย่างมีโดส ไม่ใช่สามารถฉีดเท่าไรก็ได้ โบท็อกซ์ไม่จำกัดยูนิต HIFU ไม่จำกัดช็อต เลเซอร์กี่ครั้งก็ได้นั้นไม่มี เพราะโดสยาย่อมถูกจำกัดด้วยปริมาณที่ปลอดภัย และความถี่ในการรักษาย่อมถูกจำกัดด้วยระยะเวลาในการรักษาที่ปลอดภัย อย่างโบท็อกซ์กรามไม่จำกัดนี่เป็นไปไม่ได้ มันมีโดสของมันอยู่ แต่ละจุดบนใบหน้ามันถูกจำกัดทางการแพทย์ว่าฉีดได้เท่าไรตามปริมาณของกล้ามเนื้อตรงนั้น แต่ละรูปหน้าก็ใช้ในปริมาณที่ไม่เท่ากัน สุดท้ายแล้วคนไข้ก็จ่ายเงินเท่าเดิมหรือแพงกว่า เพราะมันไม่ได้เป็นบุฟเฟต์จริงๆ” 

 

 

‘ดีบอกต่อ’ การรีวิวที่น่าเชื่อถือที่สุด

เช่นนั้นแล้ว การจะเลือกเข้ารับบริการคลินิกความงามสักแห่ง ถ้าราคาไม่ใช่ที่ตั้ง คำโฆษณาที่บอกว่า ‘ดีที่สุด’ ก็ไม่ใช่คำตอบ หมอก็อตแนะนำเกณฑ์การตัดสินที่น่าเชื่อถือที่สุดคือ “ควรถามเพื่อนหรือคนใกล้ชิดที่เคยทำและเห็นว่าเขาดูดีขึ้นจริงๆ ก็ถามเลยว่าไปทำที่ไหน อย่างน้อยเราเห็นผลลัพธ์จากคนใกล้ตัว แต่ถ้าเกิดไม่มีใครแนะนำ ลองเข้าไปปรึกษาแพทย์ที่คลินิกนั้นๆ ก็ได้ เป็นสิทธิที่เราสามารถทำได้ เป็นการตรวจสอบเบื้องต้นด้วยว่าเขามีความจริงใจหรือเปล่า เต็มใจที่จะให้ความรู้หรือไม่ และให้เวลาในการพูดคุยกับคุณแค่ไหน เพราะถ้าเขาไม่มีเวลาให้คุณตั้งแต่ก่อนรักษา ผมรับรองว่าหลังการรักษาเขาก็จะไม่มีเวลาดูแลหรือติดตามผลการรักษาแน่นอน สังเกตด้วยว่าเวลาตอบมีพิรุธ ดูไม่มีความรู้ เลี่ยงที่จะให้ข้อมูล นั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดี แบบนี้เลี่ยงได้ควรเลี่ยง นี่คือความปลอดภัยของคุณ อย่าหลงเชื่อคำโฆษณา โปรโมชัน หรือแค่ภาพลักษณ์ที่ดูดีเด็ดขาด ถ้าไม่อยากเสียใจกับสิ่งที่จะอยู่บนหน้าคุณไปตลอด” 

 

นวัตกรรมเดียวกัน ยาและเวชภัณฑ์เหมือนกัน แต่ประสบการณ์ของแพทย์ต่างกัน ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมไม่เหมือนกัน

สิ่งที่อาจทำให้หลายคนหลงทางหรือตัดสินใจไม่ถูกคือ เมื่อศึกษาข้อมูลก็มักจะพบว่าคลินิกความงามที่ได้มาตรฐานส่วนใหญ่ก็นำเข้าตัวยาและเวชภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน นวัตกรรมที่ทันสมัย เครื่องมือรุ่นล่าสุดเหมือนกัน แต่ทำไมผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่เหมือนกัน

 

“เรื่องความเชี่ยวชาญของแพทย์ก็สำคัญ ยกตัวอย่าง เครื่องยกกระชับใบหน้า ไม่ได้แปลว่าทุกคนยิงแล้วหน้าจะยกกระชับได้เหมือนกัน ต่อให้เครื่องมือดีแค่ไหน ถ้าแพทย์มีทักษะไม่ถึง ไม่มีทางที่ผลการรักษาจะออกมาดี โดยเฉพาะการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งถือเป็นโปรแกรมไฮไลต์ที่โดดเด่นของ Alfar Ville Clinic ต้องบอกก่อนว่าฟิลเลอร์ถือเป็นหัตถการขั้นสูงที่ต้องอาศัยความรู้ด้านกายวิภาคบนใบหน้าอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง ไขมัน กล้ามเนื้อ เส้นเลือด เส้นประสาท กระดูก ทุกอย่างบนใบหน้าต้องเป๊ะมาก และต้องใช้ศิลปะในการฉีด ซึ่งปัจจุบันแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้ยังมีไม่เยอะ จึงกลายเป็นหัตถการที่พบผลการรักษาที่ออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติของใบหน้าเยอะมาก ไม่ว่าจะฉีดใต้ตาแล้วเป็นก้อน ฉีดหน้าผากเป็นคลื่น ฉีดแล้วคางเป็นมะม่วง กลายเป็นภาพจำว่าถ้าฉีดฟิลเลอร์จะเป็นแบบนี้ ซึ่งจริงๆ ไม่ควรเกิด เราเรียกว่าภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากความไม่ชำนาญของแพทย์

 

“การฉีดฟิลเลอร์ที่ดีต้องฉีดแล้วสวยขึ้น แต่ไม่รู้ว่าทำอะไรมา ผมมั่นใจว่าผมเชี่ยวชาญด้านนี้จริงๆ ผมมองฟิลเลอร์เป็นเหมือนงานปั้น งานศิลปะ แม้ว่าจะมียาที่ดี เครื่องมือที่ดีอยู่ในมือเหมือนกัน แต่ดูแลโดยแพทย์ที่ต่างกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็ต่างกันด้วย”  

 

 

สุดท้ายแล้วไม่ว่าใครก็ต้องการความจริงใจ

“มันมีประเด็นค่อนข้างละเอียดอ่อนที่พบเจอบ่อยคือการบาลานซ์ระหว่างความต้องการของคนไข้และความเห็นของแพทย์เพื่อการรักษาที่ตอบโจทย์และตรงจุดกับสิ่งที่คนไข้ต้องการ อย่างที่ผมบอกไป สไตล์ของผมคือพูดตรงๆ จริงใจ ผมเจอคนไข้หลายคนที่มาหาผมพร้อมกับความรู้จากอินเทอร์เน็ต หรือคำแนะนำจากคนใกล้ตัวที่บอกว่าเขาต้องทำอันนั้นอันนี้ บางคนคิดว่าโบท็อกซ์คือคำตอบของทุกอย่าง สมมติมีเคสที่บอกว่าอยากฉีดโบท็อกซ์กราม ผมก็ต้องประเมินด้วย การพูดคุยกับเขาเพื่อหาเหตุผลว่าทำไมเขาอยากฉีดโบท็อกซ์กราม เพราะนั่นอาจจะเป็นข้อสรุปที่เขาเข้าใจว่าถูกต้อง แต่ลึกๆ แล้วเขาอยากหน้าเล็ก ถ้าผมเห็นว่าโบท็อกซ์กรามเคสนี้ไม่ช่วย ผมก็จะบอกเขาตรงๆ และอธิบายให้เขาเข้าใจว่าปัญหาหน้าใหญ่เกิดจากอะไรบ้าง มีวิธีรักษา มีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง สำหรับเคสนี้ต้องรักษาแบบไหนถึงจะตรงจุดและตอบโจทย์

 

“แพทย์ที่ให้การรักษาต้องมีความรู้คู่จริยธรรม ต้องจริงใจและให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่โอ้อวดเกินจริง ไม่ทำตัวเป็นนักธุรกิจ และมีมาตรฐานทางการแพทย์ที่ดี ทั้งการบริการ คุณภาพของทีมบุคลากร คุณภาพยาและเวชภัณฑ์ นี่เป็นมาตรฐานที่ผมต้องการสร้างให้เกิดขึ้นในคลินิกของผม เป็นคลินิกที่คนไข้มาแล้วสบายใจ อุ่นใจ ทุกคนดูดีกลับไป ดูแลทุกคนดุจญาติมิตร และได้ดูแลกันต่อไปเรื่อยๆ

 

“ผมเคยถามคนไข้ว่าทำไมถึงยังกลับมารักษากับผม คนไข้บอกว่ามาหาหมอก็อต นอกจากได้ผลการรักษาที่ดีแล้วยังรู้สึกสบายใจ อุ่นใจ ปลอดภัย มั่นใจว่าถ้ามาหาหมอก็อตแล้วจะไม่โดนหลอก รู้สึกเหมือนมีหมอเป็นเพื่อนที่ไว้ใจได้ มีอะไรก็แนะนำตามจริง และผมก็พร้อมให้ข้อมูลที่คนไข้ควรจะต้องรู้ ผมว่ามันก็เป็นจุดที่สำคัญที่ทำให้คนไข้กลับมาใช้บริการคลินิกต่อเนื่อง

 

“เพราะเป้าหมายของผมไม่ใช่การทำธุรกิจให้ร่ำรวยหรือขยายเป็นสิบๆ สาขา ผมต้องการทำคลินิกความงามที่มาตรฐาน ได้ทำให้ทุกคนที่มารักษาดูดีขึ้น มีความสุขดูแลกันไปนานๆ ให้เขาได้เจอ Best Version ของเขา ส่วนผมก็ได้ทำงานที่ผมรักในคลินิกของผม”

 

ใครมีปัญหาผิว ปัญหาความงาม หมอก็อตยินดีให้คำปรึกษาฟรีที่ Alfar Ville Clinic หรือหากมีคำถามที่อยากรู้ก็สามารถ Add LINE ไปสอบถามก่อนได้ที่ @AlfarVilleClinic หรือโทร. 06 1456 6898

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์